โบรกเกอร์ RoboForex ดีไหม: รีวิวฉบับเต็ม
RoboForex ดีไหม ? ด้วยความเป็นโบรกเกอร์ชั้นนำที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของประเทศเบลีซ มีแพลตฟอร์มการเทรดให้เลือกหลากหลาย (MT4/MT5 cR WebTrader) สเปรดแข่งขันได้ และมีเลเวอเรจสูงมาก ทำให้ RoboForex เป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับเทรดเดอร์ไทย
แต่อย่างไรก็ตาม ผมกลับพบว่า RoboForex ยังขาดการกำกับดูแลอย่างเข้มงวดเหมือนที่โบรกเกอร์คู่แข่งบางรายมี

Written by Justin Grossbard
Updated:
- 67 Forex Brokers reviewed by our expert team (See our top 10 picks)
- 50+ years combined forex trading experience
- 14,000+ hours comparing brokers in the past 12 months
- Structured and in-depth evaluation framework (Our Methodology)
Our broker reviews are reader supported and we may receive payment when you click on a partner site. For more information, visit our About Us page.
ข้อมูลทั่วไป Roboforex

🗺️ หน่วยงานกำกับดูแล | FSC – Belize |
💰ค่าธรรมเนียมการเทรด | เริ่มต้นที่ 0 pips + ค่าคอมมิชชัน |
📊 แพลตฟอร์ม | MT4, MT5, R Stocks Trader และ R mobile Trader |
💰 เงินฝากขั้นต่ำ | บัญชีทั่วไป $10, R Stocks Trader ขั้นต่ำ $100 |
💰 ค่าธรรมเนียมการฝาก/ถอน | มี |
🛍️ ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน | ฟอเร็กซ์, โลหะหนัก, ดัชนี หุ้น, Futures และพลังงาน |
💳 Credit Card Deposit | มี |
ทำไมถึงเลือก RoboForex
RoboForex ดีไหม หากต้องเทรดในไทย โดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่าโบรกเกอร์นี้มีข้อดีไม่น้อย มีจุดเด่นในเรื่องของต้นทุนการเทรดที่ต่ำ, เลเวอเรจสูง และการรองรับแพลตฟอร์มที่หลากหลาย โดยสเปรดเริ่มต้นที่ 1.3 pips สำหรับคู่เงิน EUR/USD และสามารถเทรดได้ผ่านแพลตฟอร์ม MetaTrader 4 และ 5, R WebTrader รวมถึงแพลตฟอร์มเฉพาะของโบรกเกอร์เองอย่าง R StockTrader
RoboForex นำเสนอเลเวอเรจสูงมากถึง 1:2000 จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจหากคุณเป็นที่มีประสบการณ์ หรือมีสไตล์การเทรดแบบเชิงรุก นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์อื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น ระบบฝากถอนที่ยืดหยุ่น และเครื่องมือ copy trading ที่ล้ำสมัย
อย่างไรก็ตาม ผมพบว่าแม้เงื่อนไขการเทรดของ RoboForex จะค่อนข้างน่าสนใจ แต่แหล่งข้อมูลด้านการศึกษา/เรียนรู้ยังมีค่อนข้างน้อย อีกทั้งการตอบสนองของฝ่ายบริการลูกค้าก็อาจล่าช้า และโบรกเกอร์ได้รับการกำกับดูแลโดยคณะกรรมการบริการทางการเงินของเบลีซ (FSC) เท่านั้น ยังไม่ได้รับการกำกับดูแลในตลาดหลักอย่างออสเตรเลีย, ยุโรป และสหราชอาณาจักร
เปรียบเทียบข้อดีและข้อเสีย
- ฝากเงินขั้นต่ำต่ำเพียง $10
- มีโบนัสเงินฝากสำหรับสมาชิก
- ดำเนินคำสั่งได้อย่างรวดเร็ว
- บัญชีเทรดมี Leverage สูง
- ได้รับการกำกับดูแลจาก FSC เพียงแห่งเดียว
- เนื้อหาด้านการศึกษามีจำกัด
- ฝ่ายสนับสนุนตอบกลับล่าช้า
ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย
ค่าธรรมเนียมการเทรดถือ เป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการเลือกโบรกเกอร์สำหรับผมและนักเทรดเช่นคุณอย่างไม่ต้องสงสัย และในความเห็นของผม การซื้อขายด้วย RoboForex นั้นก็มีความคุ้มค่าในทุกประเภทบัญชีที่พวกเขานำเสนอ
RoboForex มีบัญชีให้เลือกทั้งหมด 5 ประเภท โดยแต่ละประเภทมีค่าธรรมเนียมและสเปรดที่แตกต่างกัน ดังนี้:
- บัญชี Raw (ECN / Prime): เสนอค่าสเปรดที่แคบมาก (เริ่มจาก 0.0 pips) แต่จะคิดค่าคอมมิชชันในการเทรด เช่น $1.5–$20 ต่อ 1 ล็อต
- บัญชี Standard (Pro / ProCent): มีค่าสเปรดที่กว้างกว่า (เริ่มจาก 1.3 pips) แต่ไม่มีการเก็บค่าคอมมิชชันในการซื้อขาย
- บัญชี R StocksTrader: ใช้สเปรดแบบคงที่ (เริ่มจาก $0.02) เหมาะสำหรับการซื้อขายหุ้นและ ETF โดยไม่คิดค่าคอมมิชชันเพิ่มเติม
สเปรดของบัญชี Raw (ECN)
หากคุณคุ้นชินกับการใช้กลยุทธ์ระยะสั้นหรือการเทรดความถี่สูง (High-Frequency Trading) คุณย่อมรู้ดีว่าว่า สเปรดถือเป็นต้นทุนหลักที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ และในมุมมองของผม บัญชี ECN ก็ตอบโจทย์ได้ดีทีเดียว
บัญชี ECN มีสเปรดเริ่มต้นที่ 0.0 pips สำหรับคู่เงินหลัก เช่น EUR/USD ในช่วงเวลาที่มีสภาพคล่องสูง แต่โดยทั่วไปแล้วสเปรดเฉลี่ยจะอยู่ที่ 0.16 pips หรือ 0.57 pips หากรวมค่าคอมมิชชันเข้าไปด้วย ซึ่งค่าคอมมิชชันจะขึ้นอยู่กับปริมาณการเทรด (เช่น $1.5–$20 ต่อล็อต)
จากการสังเกตุ ผมพบว่าสเปรดจะแคบที่สุดในช่วงตลาดลอนดอนและโตเกียว ซึ่งเป็นช่วงที่มีการซื้อขายอย่างคึกคัก อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่มีความผันผวนในตลาด ผมก็พบว่าสเปรดเฉลี่ยอาจขยับสูงขึ้นเล็กน้อย แม้จะยังคงอยู่ในระดับที่แข่งขันได้ก็ตาม
ด้านล่างนี้คือภาพรวมของ สเปรดเฉลี่ยและค่าคอมมิชชัน สำหรับคู่เงินยอดนิยม 3 คู่ ในบัญชี ECN และ Prime ของ RoboForex (เช่น EUR/USD, GBP/USD, USD/JPY):
คู่สกุลเงิน | สเปรดขั้นต่ำ (pips) | สปรดเฉลี่ย (pips) | คอมมิชชัน (ต่อล็อต) ในแต่ละข้าง บนบัญชี Prime | คอมมิชชัน (ต่อล็อต) ในแต่ละข้าง บนบัญชี ECN |
---|---|---|---|---|
EUR/USD | 0.0 | 0.1 | $1 | $2 |
GBP/USD | 0.0 | 0.4 | $1 | $2 |
USD/JPY | 0.0 | 0.2 | $1 | $2 |
สเปรดเฉลี่ยของคู่เงินหลัก เมื่อเปรียบเทียบระหว่าง RoboForex กับโบรกเกอร์อื่น
ตารางด้านล่างแสดงสเปรดเฉลี่ยที่โบรกเกอร์ต่างๆ ได้เผยแพร่บนเว็บไซต์ของตน หากคุณต้องการเทรดด้วยสเปรดต่ำที่สุดเป็นหลัก โบรกเกอร์อย่าง Pepperstone และ IC Markets อาจเป็นทางเลือกที่น่าสนใจกว่า แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับคู่เงินที่คุณเทรดด้วย
อย่างไรก็ตาม สเปรดเหล่านี้ยังไม่รวมค่าคอมมิชชัน ดังนั้น เมื่อพิจารณาว่า RoboForex มีค่าคอมมิชชันต่ำกว่าโบรกเกอร์อีกหลายราย คุณอาจพบว่าโดยรวมแล้ว RoboForex กลับความคุ้มค่ามากกว่า
RAW Account Spread Comparison
|
|||||
---|---|---|---|---|---|
![]() |
0.12 | 0.30 | 0.60 | 0.40 | 0.20 |
![]() |
0.10 | 0.10 | 0.90 | 0.20 | 1.10 |
![]() |
0.14 | 0.43 | 1.10 | 0.75 | 0.87 |
![]() |
0.02 | 0.03 | 0.50 | 0.27 | 0.30 |
![]() |
0.06 | 0.23 | 0.49 | 0.30 | 0.59 |
![]() |
0.10 | 0.30 | 0.50 | 0.30 | 0.60 |
![]() |
0.16 | 0.29 | 1.50 | 0.54 | 0.68 |
![]() |
0.50 | 0.60 | 1.10 | 0.80 | 1.30 |
Avg. spreads are taken from each broker's website and updated monthly. Last update on 07/01/2025
ค่าคอมมิชชันของบัญชี Raw
บัญชี ECN และ Prime ของ RoboForex ใช้ระบบ “สเปรดดิบ + ค่าคอมมิชชัน” โดยมีสเปรดเริ่มต้นที่ 0.0 pips และค่าคอมมิชชันแบบคงที่ ซึ่งค่าคอมมิชชันจะอยู่ที่ $2 ต่อ 1 ล็อตมาตรฐานต่อ 1 รอบ (ไปกลับ) สำหรับบัญชี Prime และ $4 ต่อรอบ สำหรับบัญชี ECN ไม่ว่าคุณจะเทรดคู่สกุลเงินใด เช่น EUR/USD, GBP/USD หรือ USD/JPY
ค่าธรรมเนียมของบัญชี Standard
สำหรับบัญชี Pro และ ProCent (Standard) จะไม่มีการเก็บค่าคอมมิชชันในการดำเนินคำสั่งใดๆ ต้นทุนการเทรดทั้งหมดจะถูกรวมอยู่ในสเปรดแบบลอยตัว ซึ่งมักจะเริ่มต้นที่ 1.3 pips สำหรับคู่เงินหลัก เช่น EUR/USD (ในสภาวะตลาดปกติ) แต่สเปรดอาจผันผวนตามระดับสภาพคล่องและความเคลื่อนไหวของตลาดได้เช่นกัน
เนื่องจากไม่มีค่าคอมมิชชันแยกต่างหาก ต้นทุนจึงเป็นเพียงสเปรดที่แสดงในแพลตฟอร์มเท่านั้น ส่วนตัวแล้ว ผมคิดว่าการรวมค่าธรรมเนียมไว้ในสเปรดช่วยให้วางแผนงบประมาณง่ายขึ้น (ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก วิธีคำนวณค่า Pip Value) โดยเฉพาะกับกลยุทธ์ที่ไม่ได้เน้นความแม่นยำระดับจุดย่อย
สเปรดเฉลี่ยของคู่เงินหลัก เมื่อเปรียบเทียบระหว่าง RoboForex กับโบรกเกอร์อื่น
เมื่อเทียบกับบัญชี ECN แล้ว บัญชี Standard ของ RoboForex อาจทำผลงานได้ไม่ดีนักเมื่อเทียบกับโบรกเกอร์รายอื่น โดยสเปรดเฉลี่ยของ EUR/USD อยู่ที่ 1.40 pips แม้ RoboForex ใช้โมเดล Market Maker ในการดำเนินการซื้อขายก็ตาม ทำให้ RoboForex กลายเป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ที่ให้ผลลัพธ์ต่ำที่สุดในการทดสอบของเรา
Standard Account Spreads
|
|||||
---|---|---|---|---|---|
![]() |
1.30 | 1.70 | 1.20 | 1.50 | 1.90 |
![]() |
1.10 | 1.10 | 1.20 | 1.20 | 1.20 |
![]() |
0.82 | 0.83 | 1.27 | 1.03 | 0.94 |
![]() |
1.30 | 1.40 | 1.60 | 1.80 | 0.27 |
![]() |
1.00 | 1.20 | 1.00 | 1.00 | 1.10 |
![]() |
0.90 | 1.54 | 1.52 | 1.78 | 1.90 |
![]() |
1.20 | 1.40 | 1.40 | 1.50 | 1.40 |
![]() |
1.20 | 1.50 | 1.60 | 1.40 | 1.50 |
![]() |
1.10 | 1.20 | 1.50 | 1.40 | 1.40 |
![]() |
1.00 | 1.00 | 1.50 | 2.00 | 1.00 |
![]() |
0.83 | 1.12 | 1.29 | 1.42 | 1.41 |
![]() |
0.90 | 0.90 | 1.40 | 1.10 | 1.00 |
Avg. spreads are taken from each broker's website and updated monthly. Last update on 07/01/2025
บัญชี Prime
ผมชื่นชอบบัญชี Prime จากข้อเสนอสเปรดเป็นศูนย์สำหรับคู่ EUR/USD พร้อมกับค่าคอมมิชชันที่ต่ำลงกว่าบัญชี ECN สูงสุดถึง 10% และอยากแนะนำให้คุณพิจารณาบัญชีประเภทนี้ หากคุณเป็นเทรดเดอร์ที่ต้องการต้นทุนต่ำเช่นกัน
บัญชี Swap-Free
หากคุณนับถือศาสนาอิสลาม การเลือกใช้บัญชี Swap-Free คือทางออกที่ดี เพราะบัญชีประเภทนี้จะไม่มีการคิดดอกเบี้ยข้ามคืน (Swap) แต่จะแทนที่ด้วยค่าคอมมิชชันคงที่ โดยคิดตามประเภทของเครื่องมือที่คุณเทรดและจำนวนล็อตที่เปิดไว้ ไม่ขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ยของตลาดระหว่างธนาคาร
คุณสามารถเปิดบัญชี Swap-Free ได้ผ่านบัญชี MetaTrader 4 ประเภท Pro และ ProCent (หรือที่รู้จักกันในชื่อบัญชีอิสลามิก) เมื่อเปิดใช้งานแล้ว เงื่อนไขการเทรดอื่นๆ เช่น สเปรด| ความเร็วในการดำเนินคำสั่ง และเลเวอเรจ จะเหมือนกับบัญชีพื้นฐานทุกประการ
ค่าธรรมเนียมอื่น ๆ
RoboForex มีโครงสร้างค่าธรรมเนียมที่โปร่งใสและไม่ซับซ้อน โดยไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมไม่ใช้งาน (Inactivity หรือ Dormancy Fee) ไม่ว่าบัญชีของคุณจะถูกเปิดทิ้งไว้นานแค่ไหนก็ตาม และไม่มีค่าธรรมเนียมรายเดือนในรูปแบบ “ค่าดูแลบัญชี” เหมือนโบรกเกอร์บางราย
อย่างไรก็ตาม อาจมีค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงินซึ่งเหมือนกับโบรกเกอร์อื่นทั่วไป หากสกุลเงินหลักของบัญชีคุณต่างจากสกุลที่คุณฝากหรือถอน โดยอัตรานี้จะขึ้นอยู่กับธนาคารหรือระบบการชำระเงินที่คุณใช้
สรุป: ค่าธรรมเนียมการเทรดของ RoboForex
ในมุมมองของผม RoboForex เสนอค่าธรรมเนียมการเทรดที่ แข่งขันได้มาก โดยเฉพาะในบัญชี Raw ซึ่งให้สเปรดที่แคบเป็นพิเศษ แม้คุณจะต้องนำค่าคอมมิชชันมาคิดร่วมด้วย แต่ต้นทุนรวมยังถือว่าน่าสนใจ
หากคุณชอบการเทรดแบบ ไม่มีค่าคอมมิชชัน บัญชี Standard ก็อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสม แม้ว่าสเปรดจะกว้างกว่าก็ตาม
โดยรวมแล้ว ผมให้คะแนน RoboForex 8.5 เต็ม 10 สำหรับหมวด “ต้นทุนการเทรด”
แพลตฟอร์มการซื้อขาย
RoboForex เปิดโอกาสให้คุณเลือกใช้แพลตฟอร์มการเทรดได้อย่างหลากหลาย ซึ่งรวมถึง Trading app ที่ใช้งานง่าย
นอกจากนี้ ทีมงานของผมที่ CompareForexBrokers ยังได้พัฒนาเครื่องมือช่วยเลือกแพลตฟอร์มเทรด เพื่อให้คุณค้นหาซอฟต์แวร์ที่เหมาะสมกับสไตล์และความต้องการการเทรดของคุณได้ง่ายขึ้น แนะนำให้คุณลองทำแบบสอบถามสั้น ๆ 5 ขั้นตอน ที่จะช่วยชี้แนะแพลตฟอร์มฟอเร็กซ์ที่เหมาะกับคุณมากที่สุด
MetaTrader 4
แพลตฟอร์ม MT4 พัฒนาโดยบริษัท MetaQuotes ถือเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มเทรดที่เก่าแก่ที่สุดและได้รับความนิยมสูงสุดในตลาดสำหรับนักเทรดรายย่อยทั่วโลก และส่วนใหญ่แล้ว ผมก็มักจะเลือกใช้ MT4 ในการเทรดของผม เพราะอินเทอร์เฟซที่เรียบง่ายแต่ครบครัน ทำให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ซับซ้อนเกินไป
และยังรองรับการใช้งานข้ามอุปกรณ์อย่างแท้จริง ไม่ว่าคุณจะเทรดผ่าน Android, iOS, Windows, macOS หรือผ่านเบราว์เซอร์ด้วย MT4 WebTrader ก็ตาม
เหตุผลที่ผมชอบใช้ MT4:
- อินเทอร์เฟซที่เรียบง่ายและใช้งานง่าย ทำให้การใช้งานเป็นไปอย่างราบรื่น เป็นมิตรต่อมือใหม่หัดเทรด
- มีชุมชนผู้ใช้งานขนาดใหญ่ จึงสามารถหาอินดิเคเตอร์แบบกำหนดเอง, Expert Advisor (EA) และคำแนะนำได้ง่าย
- ความสามารถด้านกราฟและการวิเคราะห์ที่แข็งแกร่ง ด้วยเครื่องมือวิเคราะห์ 31 แบบ, อินดิเคเตอร์ในตัว 30 ตัว และรองรับ 9 ช่วงเวลา (Timeframe)
- มีคำสั่งซื้อขายรอดำเนินการ 4 แบบ (Buy Stop, Buy Limit, Sell Limit และ Sell Stop) รวมถึง โหมดการดำเนินคำสั่ง 3 แบบ
- รองรับภาษา MQL4 เต็มรูปแบบ ช่วยให้คุณเขียน EA และอินดิเคเตอร์แบบกำหนดเองได้อย่างเต็มที่
ข้อเสียที่อาจพบ:
- เน้นการใช้งานกับตลาดฟอเร็กซ์และดัชนีเป็นหลัก ทำให้การเข้าถึง CFD หุ้นยังเป็นไปอย่างจำกัด
- รูปลักษณ์และฟีเจอร์บางอย่างอาจดูล้าสมัย เมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มใหม่กว่าอย่าง MT5
- MetaQuotes ได้หยุดพัฒนา MT4 อย่างเป็นทางการแล้ว จึงมีแนวโน้มจะถูก MT5 เข้ามาแทนที่อย่างสมบูรณ์ในอนาคต
บทสรุป MT4
ความเรียบง่ายและความสามารถในการปรับแต่งของ MT4 ยังคงทำให้แพลตฟอร์มนี้ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ด้วยข้อจำกัดในการใช้งานในอนาคต คุณควรพิจารณาทางเลือกใหม่ ๆ อย่าง MT5 ด้วยเช่นกัน
MetaTrader 5
MT5 ได้รับการพัฒนาต่อยอดจากพื้นฐานของ MT4 ทำให้ MT5 ขยายความสามารถออกไปได้ไกลกว่า (ดูคู่มือเปรียบเทียบ MT4/MT5 สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม) ไม่ว่าจะเป็นจำนวนกราฟที่มากขึ้น, เครื่องมือวิเคราะห์ที่หลากหลายยิ่งขึ้น, การประมวลผลที่รวดเร็วกว่า และรองรับสินทรัพย์ที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งคุณอาจต้องใช้เวลาทำความเข้าใจอยู่บ้างสำหรับฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามา
ในขณะที่ MT4 ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับตลาดฟอเร็กซ์แบบกระจายศูนย์เป็นหลัก แต่ MT5 คือแพลตฟอร์มแบบมัลติแอสเซท (Multi-Asset) อย่างแท้จริง ทำให้คุณซื้อขายสินทรัพย์ เช่น CFDs หุ้น ได้มากขึ้น
การปรับปรุงสำคัญของ MT5 ที่ทำให้เหนือกว่า MT4 ได้แก่
- กราฟและการวิเคราะห์ขั้นสูง โดยมีเครื่องมือวิเคราะห์ถึง 44 แบบ อินดิเคเตอร์ในตัว 38 ตัว และ Timeframes 21 แบบ จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับเทรดเดอร์สาย Scalper ที่ต้องการข้อมูลแบบละเอียด
- คำสั่งซื้อขายแบบใหม่ ที่มีการเพิ่มคำสั่ง Pending Order อีก 2 ประเภท คือ Buy Stop Limit และ Sell Stop Limit เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการเข้าตลาด
- ข้อมูลปริมาณจริง (True Volume) จากการเข้าถึงข้อมูลปริมาณแบบ Tick จริง แตกต่างจาก MT4 ที่แสดงเพียงจำนวน Tick Count
- การเขียนโปรแกรมที่ล้ำกว่า รองรับภาษา MQL5 ที่ทรงพลังกว่า MQL4 ช่วยให้การพัฒนา EA และอินดิเคเตอร์เป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ
- การทดสอบกลยุทธ์ (Backtest) แบบ 64‑bit: เร็วกว่าและรองรับการทดสอบหลายคู่สกุลเงินพร้อมกัน ในขณะที่ MT4 ใช้ระบบ 32‑bit ซึ่งจำกัดให้ทดสอบได้เพียงคู่เดียวในเวลาเดียวกัน
คุณอาจไม่เหมาะกับ MT5 ถ้าหาก
- คุณพึ่งเริ่มต้นเทรด เพราะคุณอาจสับสนกับฟีเจอร์เสริมที่เพิ่มข้ามา เช่น คำสั่ง Stop‑Limit, Fill‑or‑Kill, ระบบ Netting vs. Hedging และ Depth of Market ที่ซับซ้อน
- หากคุณทำงานกับการเขียนโปรแกรมและอัตโนมัติอยู่แล้ว ต้องทราบว่า MQL5 ไม่สามารถใช้ร่วมกับโค้ดจาก MQL4 ได้ ซึ่งหมายถึงคุณต้องเขียนโค้ดขึ้นมาใหม่ทั้งหมด
สรุป MT5
แม้ว่า MT5 จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ฐานผู้ใช้และนักพัฒนายังคงน้อยกว่า MT4 อยู่ในปัจจุบัน ดังนั้น หากคุณให้ความสำคัญกับอินดิเคเตอร์แบบกำหนดเองและการสนับสนุนจากชุมชนผู้ใช้ MT4 ก็ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่แข็งแกร่ง ด้วยฐานผู้ใช้ที่มีมายาวนานหลายสิบปีและมี EA และอินดิเคเตอร์ฟรีให้เลือกใช้มากมาย
R Stocks Trader
นอกเหนือจาก MT4 และ MT5 แล้ว RoboForex ยังมีแพลตฟอร์มเฉพาะของตนเองอีก 2 ตัว โดยหนึ่งในนั้นคือ R StocksTrader
ถ้าจะให้ผมอธิบายง่ายๆ แพลตฟอร์มนี้ทำงานในรูปแบบคลาวด์มัลติแอสเซท ที่ให้คุณเข้าถึงสินทรัพย์มากกว่า 12,000 รายการ พร้อมเครื่องมือสร้างกลยุทธ์การเทรดแบบ no-code, เทมเพลตกลยุทธ์สำเร็จรูป และระบบแบ็กเทสต์ฟรี โดยข้อมูลและกลยุทธ์ทั้งหมดจะถูกจัดเก็บออนไลน์อย่างปลอดภัย
ฟีเจอร์ที่ผมชอบใน R StocksTrader มีดังนี้:
- เครื่องมือสร้างกลยุทธ์อัตโนมัติ (Automated Strategy Builder) ที่สร้างและใช้งานหุ่นยนต์เทรดได้โดยไม่ต้องมีทักษะการเขียนโปรแกรม ด้วยระบบลาก‑วาง (drag‑and‑drop) ที่ใช้งานง่าย หรือเลือกจากเทมเพลตสำเร็จรูป
- ใช้งานผ่านเว็บเบราว์เซอร์ได้โดยตรง คุณไม่ต้องติดตั้งซอฟต์แวร์ เพียงเปิดเบราว์เซอร์ก็สามารถเข้าถึงเครื่องมือทั้งหมดได้ทันที
- กลยุทธ์สำเร็จรูปและระบบทดสอบรวดเร็ว (Template Strategies & Quick Testing) เพียงเลือกกลยุทธ์จากเทมเพลตที่มี จากนั้นปรับแต่งให้เข้ากับสไตล์การเทรดของคุณ แล้วทดสอบย้อนหลังกับข้อมูลจริงได้ฟรีก่อนเริ่มใช้งานจริง
- การซื้อขายด้วยคลิกเดียวและคำสั่งรวดเร็ว ผ่านเซิร์ฟเวอร์ของ RoboForex ที่มีความหน่วงต่ำกว่าการใช้หุ่นยนต์ที่รันบนคอมพิวเตอร์ส่วนตัว
ดังนั้น ผมขอแนะนำ R StocksTrader หากคุณสนใจการเทรดหุ้น แต่ถ้าคุณเน้นการเทรดฟอเร็กซ์เป็นหลัก ผมแนะนำให้เลือกใช้ MT4 หรือ MT5 ตามความต้องการเฉพาะด้านของคุณจะเหมาะสมกว่า
R MobileTrader
R MobileTrader คือแพลตฟอร์มการเทรดบนมือถือที่ครบเครื่องในแอปเดียว ออกแบบมาให้เหมาะกับทั้งระบบ Android และ iOS โดยเฉพาะ เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการจัดการพอร์ตขณะเดินทาง
ในปี 2023 แอปนี้ได้รับรางวัล “Best Mobile Trading App” จากผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม แต่จุดเด่นที่สุดของแอป R MobileTrader คือ รองรับบัญชี MetaTrader 4 (MT4) ทำให้คุณล็อกอินและเริ่มเทรดได้ทันที โดยไม่ต้องลงทะเบียนใหม่หรือเปิดบัญชีเพิ่มเติม
นี่คือฟีเจอร์บนแอปมือถือที่ผมชอบมากที่สุด:
- เริ่มต้นง่าย (Easy Start) ด้วยเงินฝากขั้นต่ำเพียง $100 โดยสามารถเลือกเทรดได้ทั้งฟอเร็กซ์, สินค้าโภคภัณฑ์ ดัชนี หุ้น และโลหะมีค่า
- ระบบคัดลอกการเทรด (Copy Trading) ที่ใช้ได้เฉพาะเมื่อคุณเปิดบัญชีแบบ Hedging และเข้าใช้งานผ่านแอปมือถือ เท่านั้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการตามกลยุทธ์จากนักเทรดมืออาชีพ
- กราฟและราคาจริงแบบเรียลไทม์ (Real-Time Charts & Quotes) รองรับการส่งคำสั่งซื้อขายและปรับแต่งออร์เดอร์ได้ด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว ทำให้คุณเข้าเทรดในได้ในช่วงที่สำคัญของตลาด
- ข่าวและวิเคราะห์ในตัว (Integrated News & Analysis) ช่วยในการติดตามข่าวสารการเงิน, ปฏิทินเศรษฐกิจ และเหตุการณ์สำคัญได้แบบเรียลไทม์ พร้อมการแจ้งเตือนแบบ Push Notification ในแอพเดียว
แม้ว่าแอปจะสะดวกและใช้งานง่าย แต่ฟีเจอร์บางอย่าง เช่น การวิเคราะห์เชิงลึกหรือการปรับแต่งกลยุทธ์ อาจยังไม่ครอบคลุมเท่ากับเวอร์ชันเดสก์ท็อปที่มีเครื่องมือครบครันมากกว่า ผมจึงขอแนะนำว่า ควรใช้แอปมือถือเพื่อการติดตามสถานะการเทรดหรือเปิด/ปิดออร์เดอร์ เมื่อคุณไม่สามารถเข้าถึงอุปกรณ์หลักของคุณได้เท่านั้น
สรุป: แพลตฟอร์มที่ใช้งานได้บน RoboForex
โดยรวมแล้ว ผมให้คะแนนเครื่องมือการเทรดของ RoboForex อยู่ที่ 6 เต็ม 10 เพราะยังมีข้อจำกัดที่เห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับโบรกเกอร์รายอื่นที่มีฟีเจอร์ล้ำหน้ากว่า
โบรกเกอร์รองรับทั้ง MetaTrader 4 และ 5 ที่เป็นมาตรฐานของอุตสาหกรรม และนำเสนอแพลตฟอร์มเฉพาะอย่าง R StocksTrader กับ R MobileTrader ซึ่งช่วยเพิ่มความแตกต่างให้กับแบรนด์ได้เป็นอย่างดี
ความน่าเชื่อของ RoboForex
จากข้อมูลระบุว่า RoboForex ดำเนินธุรกิจโดยได้รับใบอนุญาตจาก คณะกรรมการบริการทางการเงินของเบลีซ (FSC) ซึ่งเป็นเขตนอกชายฝั่ง พบได้บ่อยในหมู่โบรกเกอร์ที่ต้องการเสนอเลเวอเรจสูง อย่างไรก็ตาม RoboForex ไม่ได้รับการกำกับดูแลที่เข้มงวดจากหน่วยงานชั้นนำอย่าง ASIC (ออสเตรเลีย) หรือ FCA (สหราชอาณาจักร) เหมือนเช่นโบรกเกอร์อื่นๆ ที่อยู่ในคู่มือซื้อขาย forex ของเรา
การกำกับดูแล
ด้วยใบอนุญาต FSC ทำให้ RoboForex เสนอเลเวอเรจได้สูงสุดถึง 1:2000 (เปรียบเทียบกับ 1:30 ภายใต้กฎของสหภาพยุโรป) ซึ่งดึงดูดนักเทรดที่ต้องการความเสี่ยงสูง อย่างไรก็ตาม FSC ของเบลีซให้การคุ้มครองเงินทุนของลูกค้าในระดับต่ำเมื่อเทียบกับหน่วยงานกำกับดูแล Tier-1
ด้วยใบอนุญาต FSC ปัจจุบัน เงินทุนของลูกค้าจะถูกเก็บไว้ในธนาคารระดับชั้นนำ (เช่น Barclays) แต่ FSC ไม่ได้บังคับให้มีการแยกบัญชีเงินลูกค้า (compulsory segregation) อย่างเคร่งครัด ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงด้านคู่สัญญาในกรณีที่บริษัทล้มละลาย

ชื่อเสียง
RoboForex ก่อตั้งขึ้นในปี 2009 และยังไม่พบว่าโบรกเกอร์นี้ทำผิดกฎใดมาตั้งแต่ปี 2020 ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี แต่อย่างไรก็ตาม คุณต้องไม่ลืมว่าโบรกเกอร์ที่จดทะเบียนนอกชายฝั่งมักได้รับการตรวจสอบจากหน่วยงานกำกับดูแลน้อยกว่าปกติ
รีวิวจากผู้ใช้จริง
แต่เมื่อพูดถึงรีวิวจากลูกค้าจริงบน TrustPilot ผมกลับพบว่า RoboForex ทำผลงานได้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอย่างมาก จากการตรวจสอบในปี 2025 แสดงให้เห็นว่า RoboForex มีรีวิวทั้งหมด 603 รายการ โดยมีคะแนนเฉลี่ยเพียง 2.5 จาก 5
เมื่อลองอ่านความคิดเห็นจากผู้ใช้งานจริง จะพบว่าลูกค้าส่วนใหญ่ ประสบปัญหาเกี่ยวกับความเสถียรของแพลตฟอร์ม, ปัญหาในการถอนเงิน และสเปรดที่ไม่ตรงตามที่โฆษณาไว้ และเมื่อเปรียบเทียบกับโบรกเกอร์คู่แข่งอย่าง Pepperstone ซึ่งมีรีวิวมากกว่าถึง 5 เท่าและได้คะแนนเฉลี่ยใกล้เคียงระดับสูงสุด ยิ่งเห็นได้ชัดว่า RoboForex อาจยังไม่ใช่โบรกเกอร์ที่ดีนักสำหรับเทรดเดอร์หน้าใหม่
สรุป: RoboForex น่าเชื่อถือหรือไม่
ผมให้คะแนนความน่าเชื่อถือของ RoboForex เพียง 4.6 จาก 10 เนื่องจาก RoboForex ขาดใบอนุญาตจากหน่วยงานระดับ Tier-1 จึงไม่ใช่โบรกเกอร์ที่ปลอดภัยที่สุด แต่เหมาะกับนักเทรดที่มีประสบการณ์ ซึ่งเข้าใจความเสี่ยงของการใช้โบรกเกอร์นอกชายฝั่ง และให้ความสำคัญกับต้นทุนการเทรดที่ต่ำมากกว่าเรื่องของการกำกับดูแล
วิธีการฝากและถอนเงินกับ RoboForex
โดยรวมแล้ว ผมคิดว่าเงื่อนไขด้านการฝากถอนของ RoboForex อยู่ในระดับที่ค่อนข้างแข่งขันได้ จึงเหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ให้ความสำคัญกับการบริหารต้นทุนและผู้ที่ต้องการวิธีการชำระเงินที่ครอบคลุม
เงินฝากขั้นต่ำที่ RoboForex คือเท่าไร?
เงินฝากเริ่มต้นขั้นต่ำที่ RoboForex จะแตกต่างกันตามประเภทบัญชี มีรายละเอียดดังนี้
- บัญชี Pro, ProCent, Prime และ ECN: ฝากขั้นต่ำเพียง $10 USD
- บัญชี R StocksTrader: ต้องมีเงินฝากขั้นต่ำที่ $100 USD
สกุลเงินหลักของบัญชี
RoboForex มีตัวเลือกสกุลเงินหลักในจำนวนน้อยที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอ โดยรองรับเพียง USD, EUR และ Gold
ช่องทางฝากเงินและค่าธรรมเนียม
RoboForex มีตัวเลือกในการฝากเงินหลากหลาย โดยไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการฝากเงิน ไม่ว่าคุณจะเลือกใช้ช่องทางใดก็ตาม
หมายเหตุ การฝากทุกช่องทางไม่มีค่าธรรมเนียม แต่การถอนเงินจะมีค่าธรรมเนียมหากถอนเกิน 3 ครั้งต่อเดือน
ช่องทางถอนเงินและค่าธรรมเนียม
RoboForex รองรับการถอนเงินผ่านหลากหลายช่องทาง โดยมีโครงสร้างค่าธรรมเนียมที่แตกต่างกัน ดังนี้:
- Visa / Mastercard: ค่าธรรมเนียม 1.5% พร้อมค่าธรรมเนียมคงที่เพิ่มเติม
- Bank Transfer: คิดค่าธรรมเนียมสูงสุดไม่เกิน 4%
- AstroPay: ค่าธรรมเนียมต่ำเพียง 0.5%
- Skrill: คิดค่าธรรมเนียม 1%
- Neteller: ค่าธรรมเนียม 1.9%
- Sticpay: คิดค่าธรรมเนียม 2.5% พร้อมค่าธรรมเนียมคงที่เพิ่มเติม
ความยากง่ายในการเปิดบัญช
จากประสบการณ์ตรงของผม การเปิดบัญชีกับ RoboForex นั้นทำได้ง่ายมาก เพียงคลิกที่ปุ่ม “ลงทะเบียน” บนหน้าเว็บไซต์หลักของ RoboForex
หลังจากนั้น ระบบจะนำคุณไปยังหน้าลงทะเบียน ซึ่งคุณจะต้องกรอกข้อมูลส่วนตัวที่จำเป็น เช่น ชื่อ-นามสกุล, อีเมลที่ใช้งานได้จริง (ซึ่งจะกลายเป็นชื่อผู้ใช้งานสำหรับเข้าสู่ระบบ) และเบอร์โทรศัพท์มือถือในรูปที่นำหน้าด้วยรหัสประเทศ
ขั้นตอนสุดท้ายที่สำคัญในการเปิดบัญชีคือ การยืนยันตัวตน (Verification) ด้วยเอกสาร เช่น
- เอกสารแสดงตน: เช่น หนังสือเดินทาง หรือ บัตรประจำตัวประชาชน
- เอกสารยืนยันที่อยู่: เช่น ใบแจ้งค่าสาธารณูปโภคล่าสุด หรือ รายการเดินบัญชีธนาคาร
สรุป: ช่องทางการฝากถอนเงินของ RoboForex
ผมให้คะแนนสูงความสะดวกในการฝากถอนของ RoboForex ถึง 8 เต็ม 10 เนื่องจากมีช่องทางการฝากถอนที่หลากหลายและค่าธรรมเนียมต่ำ การใช้งานโดยรวมจึงเป็นไปอย่างราบรื่นและสะดวกสำหรับผู้ใช้งานทุกระดับ
ความหลากหลายของตลาดการเงิน
RoboForex รองรับตลาดการเงินมากกว่า 12,000 รายการ ครอบคลุม 8 ประเภทสินทรัพย์หลัก โดยสามารถเข้าถึงได้ผ่านทั้ง MetaTrader 4, MetaTrader 5 และแพลตฟอร์มเฉพาะอย่าง R StocksTrader ของโบรกเกอร์เอง
CFDs
ในปี 2025 RoboForex เปิดให้คุณเข้าถึงตลาดการเงินที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งครอบคลุมถึง
- การเทรดฟอเร็กซ์: คุณสามารถเลือกเทรดคู่สกุลเงินได้มากกว่า 40 คู่ (ในรูปแบบ CFD) โดยมีสเปรดเริ่มต้นที่ 0 จุด ผ่านแพลตฟอร์ม MetaTrader 4, MetaTrader 5 และ R StocksTrader
- ดัชนี: โบรกเกอร์เสนอ CFD ของดัชนีมากกว่า 10 ตัว รวมถึงดัชนีหลักระดับโลก เช่น ดัชนีสหรัฐฯ (US30Cash, US500Cash, USTECHCash, US30, US500, NAS100), ดัชนีเยอรมัน (DE40Cash, GER40) และดัชนีญี่ปุ่น (JP225Cash, J225)
- สินค้าโภคภัณฑ์: แบ่งออกเป็น 3 หมวดหลัก ได้แก่
พลังงาน (Energies) เช่น น้ำมัน, ก๊าซธรรมชาติ, น้ำมันฮีตติ้ง และเอทานอล
โลหะ (Metals) เช่น ทองคำ, แพลทินัม, พัลลาเดียม, เงิน รวมทั้งคู่ทอง/ดอลลาร์ และเงิน/ดอลลาร์
สินค้าเกษตร (Soft Commodities) เช่น กาแฟ, โกโก้, น้ำตาล, ข้าวโพด, ข้าวสาลี, ถั่วเหลือง, ผลไม้ และอื่นๆ อีกมากมาย - คริปโตเคอร์เรนซี: ไม่รองรับ
- ETF: คุณจะพบกับตัวเลือก ETF CFDs ได้ทั้งหมด 1,000 รายการ ผ่านแพลตฟอร์ม R StocksTrader แต่ต้องมีเงินฝากขั้นต่ำ 100 USD
เลเวอเรจ (Leverage)
จากการทดสอบของผม พบว่าระดับเลเวอเรจของ RoboForex นั้นแตกต่างกันไปตามประเภทสินทรัพย์และบัญชี ยกตัวอย่างเช่น
โดยเลเวอเรจระดับสูง (สูงสุด 1:2000) มักจะใช้ได้กับบัญชี ProCent และ Pro ที่มีอิควิตี้ต่ำกว่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่หากยอดอิควิตี้เกินกว่านี้ ระบบจะปรับลดเลเวอเรจลงเหลือ 1:1000 โดยอัตโนมัติ และเลเวอเรจอาจถูกปรับลดชั่วคราวในบางช่วงเวลา เช่น วันหยุดสุดสัปดาห์ เป็นต้น
สรุป: ตลาดการเงินที่รองรับโดย RoboForex
ผมให้คะแนน RoboForex สำหรับความหลากหลายของผลิตภัณฑ์เทรดและ CFD ที่นำเสนออยู่ที่ 7.0 เต็ม 10 ซึ่งผมคาดหวังว่าผมจะเห็นความหลากหลายที่มากเงิน ทั้งในแง่คู่เงินฟอเร็กซ์และคริปโตเคอร์เรนซี อย่าง Bitcoin หรือ Ethereum
ฝ่ายสนับสนุนลูกค้า
ก่อนและหลังจากที่ผมได้ทดลองเทรดกับ RoboForex ผมได้มีโอกาสติดต่อกับทีมสนับสนุนลูกค้าของพวกเขาหลายครั้ง ซึ่งผมพบว่า ผมสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ได้ตลอดเวลา 24/7 โดยไม่ต้องผ่านแชทบอทก่อน และยิ่งสะดวกมากขึ้น ที่มีเจ้าหน้าที่คนไทยคอยตอบคำถามของผมโดยไม่ต้องโอนสาย แต่ต้องยอมรับว่า ผมใช้เวลารอรับบริการค่อนข้างนาน
ช่องทางการติดต่อฝ่ายสนับสนุนของ RoboForex มีดังนี้:
- ไลฟ์แชท: ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันบนเว็บไซต์ roboforex.com เพียงคลิกปุ่ม “contact us” ที่ส่วนท้ายของหน้าเว็บ และเลือกที่ช่องแชทสด
- อีเมล: สำหรับคำถามที่ไม่เร่งด่วน คุณสามารถส่งอีเมลไปที่ [email protected] โดยทั่วไปจะได้รับการตอบกลับภายใน 2 ชั่วโมงในวันทำการที่มีการซื้อขาย
- สายด่วนโทรศัพท์: คุณสามารถติดต่อซัพพอร์ทผ่านโทรศัพท์ภายในประเทศ (+66) ได้ตลอดเวลาและทุกวัน จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือที่เร่งด่วน
- WhastApp และ Line App: เป็นสองช่องทางที่ผมอยากแนะนำ เนื่องจากใช้เวลารอการตอบกลับไม่นานเท่าช่องทางอื่น และยังได้รับคำตอบจากเจ้าหน้าที่คนไทยโดยตรงอีกด้วย
สรุป: ฝ่ายบริการลูกค้าของ RoboForex
ผมให้คะแนนฝ่ายบริการลูกค้าของ RoboForex ที่ 4.0 เต็ม 10 สาเหตุหลักมาจากความล่าช้าในการตอบกลับ, ทำงานจริงเพียง 24/5 ไม่ใช่ทุกวันตามที่เว็บโฆษณา และคำตอบที่อาจจะยังไม่ละเอียดมากนัก หากเปรียบเทียบกับโบรกเกอร์ forex ชั้นนำในตลาด
พอร์ทัลการศึกษาและค้นคว้า
จากการทดสอบด้วยตัวเอง ผมพบว่า RoboForex มีเนื้อหาด้านการศึกษาให้ค่อนข้างจำกัด โดยส่วนใหญ่เน้นไปที่ผู้เริ่มต้นเทรด และยังไม่ตอบโจทย์สำหรับนักเทรดระดับกลางถึงขั้นสูง
โดยเนื้อหาจะครอบคลุมหัวข้อพื้นฐาน เช่น การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและเทคนิค, การบริหารความเสี่ยง และกลยุทธ์การเทรด อย่างไรก็ตาม บทความเหล่านี้มีข้อผิดพลาดด้านการสะกดคำ และเหตุผลเบื้องหลังการวางแผนเทรดก็ดูไม่น่าเชื่อถือเท่าใดนัก แม้จะมีการจัดสัมนาทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดมาชดเชยข้อด้อยในส่วนนี้ก็ตาม
สรุป: พอร์ทัลการศึกษาจาก RoboForex
ผมให้คะแนนในหมวดหมู่ด้านการศึกษาจาก RoboForex เพียง 3.5 เต็ม 10 เพราะเนื้อหาที่มีนั้นจำกัดมาก และส่วนใหญ่ดูเหมือนจะเป็นเพียงบทสรุปเชิงส่งเสริมการขายเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของตนเองมากกว่าจะให้ความรู้จริงจัง
โดยส่วนตัวแล้ว ผมอยากให้พวกเขาเพิ่มหน้าเพจการศึกษาที่ประกอบด้วยวิดีโอ, บทวิเคราะห์ และเนื้อหาที่จัดโครงสร้างอย่างเป็นระบบมากขึ้น เพื่อให้เทรดเดอร์ทุกระดับสามารถเรียนรู้และพัฒนาทักษะได้อย่างแท้จริง
บทสรุป: รีวิว RoboForex 2025
หลังจากประเมินทุกหมวดหมู่ ผมให้คะแนน RoboForex โดยรวมอยู่ที่ 62 เต็ม 100 นั่นเพราะจุดแข็งของโบรกเกอร์ในแง่ความหลากหลายของตลาดและตัวเลือกการฝากถอนที่ค่อนข้างดี ถูกหักลบด้วยการกำกับดูแลที่ยังไม่เข้มงวดมากนัก
ข้อเสียที่เห็นได้ชัดอีกประการคือ ไม่มีแหล่งความรู้หรือเนื้อหาการศึกษาที่เพียงพอ, เครื่องมือและแพลตฟอร์มการเทรดไม่โดดเด่น รวมถึงรีวิวจากบุคคลที่สามที่อยู่ในระดับต่ำมาก
ดังนั้น ผมจึงไม่สามารถแนะนำโบรกเกอร์นี้ได้ทั้งสำหรับมือใหม่หรือเทรดเดอร์ระดับมืออาชีพ เพราะยังมีโบรกเกอร์ forex คู่แข่งชั้นนำอีกหลายรายที่ให้บริการได้ดีกว่าในทุกด้าน แต่หากคุณเป็นเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์สูงและกำลังมองหาโบรกเกอร์นอกอาณาเขตที่ให้เลเวอเรจสูงมาก พร้อมรับความเสี่ยงในระดับสูง RoboForex ก็อาจเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจของคุณ
คำถามที่พบบ่อย: โบรกเกอร์ RoboForex ในไทย
หากต้องการเปิดบัญชีจริงกับ RoboForex ต้องใช้เงินฝากขั้นต่ำเท่าไร?
เงินฝากขั้นต่ำสำหรับบัญชี Pro, ProCent, Prime และ ECN คือ 10 USD (หรือ 10 EUR) ส่วนบัญชี R StocksTrader ต้องใช้เงินฝากขั้นต่ำ 100 USD (หรือ 100 EUR) เพื่อเริ่มต้นการเทรด นอกจากนี้ โบรกเกอร์ยังเสนอโบนัสเทรดฟรีอีกหลายแบบ เมื่อคุณฝากเงินสำเร็จ เช่น โบนัสต้อนรับ 30 USD อีกด้วย
RoboForex ผ่านการรับรองโดยหน่วยงานชั้นนำหรือไม่?
RoboForex Ltd ในปัจจุบันอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการบริการทางการเงินของเบลีซ (FSC) เท่านั้น และไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมจากหน่วยงาน Tier 1 ที่มักมีการกำกับดูแลที่เข้มงวดกว่า
ที่ RoboForex ฉันสามารถใช้แพลตฟอร์มเทรดใดได้บ้าง?
คุณสามารถเทรดได้ผ่าน MetaTrader 4, MetaTrader 5, R Mobile Trader และ R StocksTrader
ทางเลือกแทน RoboForex
หากคุณมองหาทางเลือกแทนการใช้งาน RoboForex คุณอาจมีตัวเลือกหลายแห่ง ซึ่งขึ้นอยู่กับสไตล์การลงทุนและวัตถุประสงค์ในการใช้งาน ลองดูตัวอย่างด้านล่างนี้ สำหรับตัวเลือกเพิ่มเติม
Justin Grossbard
Justin เริ่มต้นเทรดตั้งแต่ปี 1998 และได้นั่งตำแหน่งประธานคณะผู้บริหาร และ ผู้ร่วมก่อตั้งของ CompareForexBrokers เมื่อปี 2004 ในหลายปีนี้ Justin ได้เผยแพร่บทความทางการเงินมากกว่า 100 บทความ บน Forbes, Kiplinger ไปจนถึง Finance Magnates เขาสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทและปริญญาตรีในสาขาวิชาพาณิชยศาสตร์ และมีบทบาทสำคัญในชุมชนฟินเทคมาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้เขายังเป็นเจ้าของหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนและการซื้อขาย ที่เผยแพร่เมื่อปี 2023 อีกด้วย