คู่มือการเทรด Forex ประเทศไทย

Forex หรือตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเป็นหนึ่งในตลาดเงินที่ใหญ่ที่สุดในระดับโลก มีมูลค่า 2.73 ล้านล้านดอลลาร์ โดยมีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันมากกว่า 7.5 ล้านล้านดอลลาร์ บทความนี้เป็นคำแนะนำสำหรับมือใหม่เพื่อที่เทรดเดอร์ชาวไทยจะได้ทำความเข้าใจการเทรด Forex Forex มันทำงานยังไง ประโยชน์และความเสี่ยงของมัน

Updated:

What Changed?

Each month we update average spreads data published by the brokers the retail brokers lose %

Fact Checked

Written by Justin Grossbard

Edited by

Fact Checked by

CONTENTS

การเทรด Forex คืออะไร

Forex หรือการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศคือการแลกเปลี่ยนสกุลเงินหนึ่งไปยังอีกสกุลเงินหนึ่ง มันเกี่ยวข้องกับการซื้อสกุลเงินหนึ่งในขณะที่ขายอีกสกุลเงินหนึ่งไปพร้อมๆ กัน โดยมีเป้าหมายที่จะทำกำไรจากส่วนต่างของอัตราแลกเปลี่ยน

การเทรดฟอเร็กซ์เกี่ยวข้องกับการซื้อและขายสกุลเงินตามอัตราแลกเปลี่ยน อัตราแลกเปลี่ยนแสดงถึงมูลค่าของสกุลเงินหนึ่งเทียบกับอีกสกุลเงินหนึ่ง ในฐานะเทรดเดอร์ชาวไทย หากคุณเคยเดินทางไปต่างประเทศและต้องแปลงเงินเป็นสกุลเงินต่างประเทศ แสดงว่าคุณได้ทำธุรกรรม Forex แล้ว

ตัวอย่างเช่น อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างบาทไทย (THB) และดอลลาร์สหรัฐ (USD) อาจเป็น 0.030 ซึ่งหมายความว่าหนึ่งบาทไทยสามารถแลกเปลี่ยนได้ 0.030 ดอลลาร์สหรัฐ (หรือ 0.30 เซนต์)

โดยปกติแล้วการเทรด Forex จะทำผ่านนายหน้าหรือผู้ดูแลสภาพคล่องซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย เทรดเดอร์สามารถซื้อหรือขายสกุลเงินตามการคาดการณ์ความเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนในอนาคต พวกเขาสามารถเปิดสถานะ long (ซื้อ) หากคาดว่าสกุลเงินจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น หรือเปิดสถานะ short (ขาย) หากคาดว่าสกุลเงินจะมีมูลค่าลดลง
What is Forex Trading

คู่สกุลเงิน คืออะไร

คู่สกุลเงินคือการรวมกันของสองสกุลเงินที่แตกต่างกันซึ่งมีการซื้อขายกัน สกุลเงินแรกในคู่คือสกุลเงินหลัก และสกุลเงินที่สองคือสกุลเงินอ้างอิงหรือสกุลเงินรอง เมื่อคุณแลกเปลี่ยนคู่สกุลเงิน คุณจะต้องซื้อสกุลเงินหนึ่งและขายอีกสกุลเงินหนึ่งพร้อมกัน

  • คู่สกุลเงินหลัก – คู่สกุลเงินหลักเป็นคู่สกุลเงินหลักที่มีสภาพคล่องมากที่สุดและมีการซื้อขายกันอย่างแพร่หลายในตลาด Forex มีคู่สกุลเงินหลัก 7 คู่ในตลาด Forex ได้แก่ AUD (ดอลลาร์ออสเตรเลีย)/USD, EUR/USD (ยูโรเป็น USD), GBP/USD (ปอนด์อังกฤษเป็น USD), USD/JPY (USD เป็นเยนญี่ปุ่น) และ USD/CHF (ฟรังก์สวิส)
  • คู่สกุลเงินรอง – คู่สกุลเงินข้ามหรือที่เรียกว่าคู่หรือไขว้สกุลเงินรอง ไม่เกี่ยวข้องกับดอลลาร์สหรัฐ แต่จะประกอบด้วยสกุลเงินหลักสองสกุลนอกเหนือจากดอลลาร์สหรัฐ (เช่น AUD/EUR, EUR/GBP และ EUR/JPY) คู่สกุลเงินข้ามมีสภาพคล่องน้อยกว่าและโดยทั่วไปจะมีสเปรดที่กว้างกว่าเมื่อเทียบกับคู่สกุลเงินหลัก ซึ่งอาจส่งผลให้ต้นทุนการทำธุรกรรมสูงขึ้น
  • คู่สกุลเงินแปลกใหม่ – คู่สกุลเงินแปลกใหม่คือคู่สกุลเงินที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินหลักหนึ่งสกุลและหนึ่งสกุลเงินจากประเทศเกิดใหม่หรือประเทศด้อยพัฒนา (เช่น USD/THB – ดอลลาร์สหรัฐเป็นเงินบาทไทย) โดยทั่วไปคู่สกุลเงินแปลกใหม่จะมีสภาพคล่องต่ำ สเปรดกว้างกว่า และมีความผันผวนสูงกว่า ทำให้มีความเสี่ยงในการซื้อขายมากกว่าคู่สกุลเงินหลักและคู่สกุลเงินข้าม

Currency Pairs

ตลาด Forex คืออะไร

ตลาด Forex เป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่า 2.73 ล้านล้านดอลลาร์ทั่วโลก ในประเทศไทย ตลาด Forex มีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 7.5 พันล้านดอลลาร์ (Convert) ณ เดือนเมษายน 2022

พูดง่ายๆ ก็คือ ตลาด Forex เกี่ยวข้องกับการเทรดสกุลเงินเป็นคู่ โดยที่สกุลเงินหนึ่งจะถูกแลกเปลี่ยนเป็นอีกสกุลเงินหนึ่งระหว่างสองฝ่าย ‘ผ่านเคาน์เตอร์’ (OTC) เป็นตลาดที่มีการกระจายอำนาจ ซึ่งหมายความว่าไม่มีที่ตั้งทางกายภาพหรือการแลกเปลี่ยนแบบศูนย์กลาง แต่จะดำเนินการทางอิเล็กทรอนิกส์ตลอด 24 ชั่วโมง ห้าวันต่อสัปดาห์ ข้ามเขตเวลาที่แตกต่างกัน ทำให้เทรดเดอร์สามารถมีส่วนร่วมได้จากที่ไหนก็ได้ในโลก

ตลาด Forex ยุคใหม่ที่เรารู้จักในปัจจุบันเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นในช่วงทศวรรษ 1970 ด้วยการถือกำเนิดของการเทรดแบบอิเล็กทรอนิกส์และการขจัดอัตราแลกเปลี่ยนคงที่
การเทรด การเทรดฟอเร็กซ์  ได้รับความนิยมในประเทศไทยในช่วงปลายทศวรรษ 2000 และต้นปี 2010 มีหลายปัจจัยที่ส่งผลให้ความสนใจเพิ่มขึ้น รวมถึงการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้น โลกาภิวัตน์ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และการเกิดขึ้นของโบรกเกอร์ออนไลน์ จนคุณอาจเคยตั้งคำถามกับตัวเองว่าควรเทรดผ่านโบรกเกอร์ดีไหม

ตลาด Forex ทำงานอย่างไร

ตลาด Forex ประกอบด้วยผู้เข้าร่วมที่หลากหลาย รวมถึงธนาคาร สถาบันการเงิน รัฐบาล บริษัท ผู้ค้ารายย่อย และนักเก็งกำไร ธนาคารและสถาบันการเงินจะมอบสภาพคล่องโดยการเสนอราคาตามราคาที่พวกเขายินดีจะซื้อและขายสกุลเงิน รัฐบาลยังมีส่วนร่วมในตลาด Forex เพื่อจัดการทุนสำรองเงินตราต่างประเทศและรักษาเสถียรภาพของสกุลเงินในประเทศของตน

เทรดเดอร์รายบุุคคล รวมถึงผู้ค้าปลีกและนักเก็งกำไร ก็มีส่วนร่วมในตลาด Forex ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ที่นำเสนอโดยโบรกเกอร์ Foex เทรดเดอร์รายย่อยเทรดในปริมาณที่น้อยกว่าเมื่อเทียบกับเทรดเดอร์ที่เป็นสถาบัน (หรือธนาคาร) และโดยทั่วไปจะมีส่วนร่วมในการเทรดแบบเก็งกำไรเพื่อหากำไรจากการเปลี่ยนแปลงของราคาสกุลเงิน
How Does Forex Market Works

สิ่งใดขับเคลื่อนตลาด Forex

ปัจจัยหลายประการสามารถมีอิทธิพลต่อตลาด Forex ได้ ปัจจัยเหล่านี้ได้แก่ ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ เหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ นโยบายของธนาคารกลาง ความเชื่อมั่นของตลาด และแนวโน้มเศรษฐกิจโลก

ตัวอย่างที่เกี่ยวข้องในประเทศไทยคือการประกาศอัตราดอกเบี้ยโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ทุกสองเดือน บางครั้งการตัดสินใจที่น่าตกใจหรือไม่คาดคิดอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อตลาด Forex จากผลกระทบที่เกิดขึ้นทันที ก่อนที่จะมีเสถียรภาพหลังจากนั้นไม่นาน

ในฐานะเทรดเดอร์ชาวไทย สิ่งสำคัญคือต้องติดตามปัจจัยเหล่านี้อย่างใกล้ชิด และใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคและเครื่องมือวิเคราะห์พื้นฐานต่างๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจเทรดของคุณ

ช่วงเวลาเทรด Forex

ตลาด Foex เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง แต่แบ่งออกเป็นสี่ช่วงการเทรดหลักตามศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญทั่วโลก
ช่วงเวลาเหล่านี้คือ

  1. นิวยอร์ก (สหรัฐอเมริกา EST)
  2. ลอนดอน (สหราชอาณาจักร, GMT)
  3. โตเกียว (ญี่ปุ่น JST)
  4. ซิดนีย์ (ออสเตรเลีย, AEST)
ชื่อช่วงเวลาและตำแหน่ง เวลาเปิด(ท้องถิ่น / UTC) เวลาปิด(ท้องถิ่น / UTC)
ช่วงเวลาซิดนีย์ – ออสเตรเลีย (AEST) 08:00 AEST / 22:00 UTC 16:00 AEST / 06:00 UTC
ช่วงเวลาโตเกียว – ญี่ปุ่น(JST) 09:00 JST / 00:00 UTC 18:00 JST / 09:00 UTC
ช่วงเวลาลอนดอน – สหราชอาณาจักร (GMT) 08:00 GMT / 08:00 UTC 16:00 GMT / 16:00 UTC
ช่วงเวลานิวยอร์ก – US (EST) 08:00 EST / 13:00 UTC 17:00 EST / 22:00 UTC

ช่วงเวลาเหล่านี้มีความสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ Forex เนื่องจากเป็นช่วงที่กิจกรรมในตลาดและสภาพคล่องสูงที่สุด ซึ่งช่วยให้มีโอกาสในการเทรดที่ดีขึ้น
Forex Market Hours

ศัพท์การเทรด Forex

มีคำศัพท์มากมายที่เกี่ยวข้องกับการเทรด การเทรดฟอเร็กซ์ เราได้ทำให้แต่ละคำง่ายขึ้นสำหรับเทรดเดอร์ FX ชาวไทยมือใหม่:

  • Pip – pip หรือ “เปอร์เซ็นต์ต่อจุด” คือการเคลื่อนไหวของราคาที่น้อยที่สุดในตลาด Forex โดยทั่วไปจะใช้เพื่อวัดการเปลี่ยนแปลงมูลค่าของคู่สกุลเงิน สำหรับคู่ FX ส่วนใหญ่ pip จะเท่ากับ 0.0001 หรือหนึ่งในร้อยของเปอร์เซ็นต์
  • สเปรด – สเปรดคือความแตกต่างระหว่างราคาเสนอซื้อและราคาเสนอขาย และวัดเป็น pip มันส่งผลกระทบต่อต้นทุนการซื้อขายและอาจส่งผลกระทบต่ออัตรากำไร โดยทั่วไปสเปรดที่ต่ำกว่าจะส่งผลให้การซื้อขายมีความคุ้มค่ามากขึ้นและอัตรากำไรที่สูงขึ้น
  • ล็อต – ขนาดล็อตหมายถึงปริมาณการเทรดในการเทรด FX ล็อตกำหนดจำนวนสกุลเงินที่จะซื้อหรือขายในการเทรด ขนาดล็อตมาตรฐานคือ 100,000 หน่วยของสกุลเงินหลัก ในขณะที่ขนาดมินิล็อตคือ 10,000 หน่วย และขนาดไมโครล็อตคือ 1,000 หน่วย
  • เลเวอเรจ – เลเวอเรจคือความสามารถในการควบคุมตำแหน่งที่ใหญ่ขึ้นในตลาดด้วยเงินทุนจำนวนน้อยกว่า ช่วยให้เทรดเดอร์ขยายผลกำไร แต่ยังเพิ่มความเสี่ยงในการขาดทุนอีกด้วย เลเวอเรจจะแสดงเป็นอัตราส่วน เช่น 1:100 ซึ่งหมายความว่าทุกๆ 1 ล็อต (เช่น 100,000 หน่วย) ที่คุณซื้อขาย คุณจะซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ 100 เท่าของจำนวนนั้น (เช่น 10,000,000)
  • มาร์จิ้น – มาร์จิ้นคือจำนวนเงินที่ต้องใช้ในการเปิดการเทรดในตลาด Forex มันเป็นรูปแบบหนึ่งของเลเวอเรจที่โบรกเกอร์มอบให้ ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถควบคุมสถานะที่ใหญ่ขึ้นด้วยเงินทุนจำนวนน้อยลง โดยทั่วไปมาร์จิ้นจะแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์ของขนาดการซื้อขาย เช่น มาร์จิ้น 10% หมายความว่าคุณจะต้องฝากเงินเพียง 10% ของขนาดการซื้อขายทั้งหมด สำหรับขนาดการซื้อขาย $100,000 คุณจะต้องฝากเงินเพียง $10,000
  • สวอป – การสวอปสกุลเงินเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ธุรกิจ ธนาคาร และรัฐบาลใช้เพื่อแลกเปลี่ยนสกุลเงินหนึ่งเป็นอีกสกุลเงินหนึ่ง โดยทั่วไปจะเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่ง ในการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะแลกเปลี่ยนจำนวนเงินต้นในสกุลเงินที่แตกต่างกัน จากนั้นกลับรายการธุรกรรมในภายหลัง โดยปกติจะใช้อัตราแลกเปลี่ยนที่ตกลงกันไว้

ตลาด FX ต่างๆ

ตราสารหลายประเภทที่คุณสามารเทรดได้ในตลาด FX รายการหลักมีดังต่อไปนี้:

  • สปอต – การเทรดแบบสปอตเป็นรูปแบบการเทรดคู่สกุลเงินที่พบได้บ่อยที่สุด โดยที่เทรดเดอร์ซื้อหรือขายคู่สกุลเงิน ‘ ณ จุดนั้น’ ในราคาตลาดปัจจุบันเพื่อทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน
  • ฟิวเจอร์ – FX Futures คือข้อตกลงในการซื้อหรือขายคู่สกุลเงินตามจำนวนที่ระบุในราคาและวันที่ที่กำหนดไว้ล่วงหน้าในอนาคต เป็นสัญญามาตรฐานที่มีการเทรดบนโบรกเกอร์ที่มีการควบคุม โดยสัญญาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ Chicago Mercantile Exchange (CME)
  • สัญญาซื้อขายล่วงหน้า – สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยให้ฝ่ายต่างๆ สามารถล็อกอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับวันที่ในอนาคตได้ ช่วยบรรเทาความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวน และมักใช้เพื่อจัดการความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
  • ออปชั่น – ออปชันสกุลเงิน (หรือ FX) เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ซับซ้อนซึ่งให้สิทธิ์แก่ผู้ถือ แต่ไม่ใช่ภาระผูกพันในการซื้อหรือขายสกุลเงินหนึ่งสำหรับอีกสกุลเงินหนึ่งด้วยอัตราแลกเปลี่ยนที่กำหนดไว้ล่วงหน้าในหรือก่อนวันที่ระบุ ออปชั่น FX มีหลายประเภท รวมถึงออปชั่น call และ put เช่นเดียวกับออปชั่นสไตล์ยุโรปและออปชั่นสไตล์อเมริกัน

แพลตฟอร์มการเทรด Forex

มีแพลตฟอร์มการเทรด Forex ยอดนิยมหลายแห่งที่คุณสามารถใช้เพื่อเริ่มต้นการเทรดในตลาดสกุลเงินทั่วโลก แพลตฟอร์มเหล่านี้เสนอเครื่องมือ ฟีเจอร์ และฟังก์ชันการทำงานที่หลากหลายเพื่อให้เหมาะกับสไตล์การเทรดและความชอบที่แตกต่างกัน นี่คือแพลตฟอร์มการเทรด Forex ที่สำคัญบางส่วน:

1. MetaTrader 4 (MT4)

  • MT4 เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มการเทรด Forex ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย เป็นที่รู้จักในด้านอินเตอร์เฟซที่ใช้งานง่าย เครื่องมือสร้างกราฟที่แข็งแกร่ง และความสามารถในการเทรดอัตโนมัติผ่าน Expert Advisors (EAs)
  • คุณสมบัติที่สำคัญ:
        • เครื่องมือสร้างแผนภูมิและการวิเคราะห์ทางเทคนิคขั้นสูง
        • รองรับการเทรดอัตโนมัติโดยใช้สคริปต์ที่กำหนดเองและ EA
        • เข้าถึงชุมชนขนาดใหญ่และเครื่องมือและอินดิเคเตอร์จากบุคคลที่สามที่หลากหลาย
        • ใช้งานได้บนเดสก์ท็อป เว็บ และอุปกรณ์มือถือ

เราขอแนะนำ Pepperstone เป็นโบรกเกอร์ที่ดีที่สุดสำหรับ MetaTrader 4 โดยพิจารณาจากค่าธรรมเนียมที่ต่ำ ความเร็วในการดำเนินการที่รวดเร็ว และการสนับสนุนลูกค้าภาษาไทยที่ยอดเยี่ยม.

2. MetaTrader 5 (MT5)

  • MT5 เป็นผู้สืบทอดต่อจาก MT4 โดยนำเสนอฟีเจอร์เพิ่มเติมและประสิทธิภาพที่ได้รับการปรับปรุง รองรับคำสั่งซื้อประเภทต่างๆ มากขึ้น เครื่องมือสร้างกราฟที่ได้รับการปรับปรุง และสินทรัพย์ที่หลากหลายมากขึ้น รวมถึงหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์
  • คุณสมบัติที่สำคัญ:
        • รองรับทั้งตราสาร Forex และที่ไม่ใช่ Forex
        • เสนอกรอบเวลาและประเภทของคำสั่งที่รอดำเนินการมากกว่า MT4
        • บูรณาการปฏิทินเศรษฐกิจและข่าวการเงิน
        • ภาษาสคริปต์ที่ได้รับการปรับปรุง (MQL5) สำหรับกลยุทธ์อัตโนมัติที่ซับซ้อนมากขึ้น

เราขอแนะนำ IC Markets เป็นโบรกเกอร์ที่ดีที่สุดสำหรับ MetaTrader 5 เพราะมีสเปรดที่ต่ำมาก สภาพคล่องสูง และการเชื่อมต่อที่รวดเร็ว ทำให้เราได้รับประสบการณ์การเทรดที่ราบรื่นและตอบสนองได้ดี IC Markets ยังมีการสนับสนุนลูกค้าภาษาไทยที่ยอดเยี่ยม ช่วยให้เรามั่นใจได้ว่าจะได้รับการดูแลอย่างครบถ้วนทุกครั้ง.

3. cTrader

  • cTrader เป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมที่รู้จักกันดีในเรื่องอินเตอร์เฟซที่ใช้งานง่าย ประเภทคำสั่งขั้นสูง และความโปร่งใส มักถูกใช้โดยเทรดเดอร์ที่ชอบการเข้าถึงตลาดโดยตรง (DMA) และการดำเนินการที่รวดเร็ว
  • คุณสมบัติที่สำคัญ:
        • การกำหนดราคาระดับ II (ความลึกของตลาด) เพื่อความเข้าใจตลาดที่ดีขึ้น
        • เครื่องมือสร้างกราฟขั้นสูงและตัวชี้วัดทางเทคนิคที่หลากหลาย
        • รองรับการเทรดอัตโนมัติผ่าน cAlgo (cTrader Automate)
        • อินเตอร์เฟซที่ปรับแต่งได้และการเทรดด้วยคลิกเดียว

4. TradingView

  • TradingView เป็นแพลตฟอร์มกราฟที่ได้รับความนิยมในหมู่เทรดเดอร์ Forex เป็นหลัก เนื่องจากมีฟีเจอร์โซเชียลเทรด อินดิเคเตอร์ และเครื่องมือวาดกราฟที่หลากหลาย ขณะนี้โบรกเกอร์บางรายได้รวมแผนภูมิ TradingView เข้ากับแพลตฟอร์มการเทรดของตนโดยตรง
  • คุณสมบัติที่สำคัญ:
        • แพลตฟอร์มบนคลาวด์ที่สามารถเข้าถึงได้จากทุกอุปกรณ์
        • เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่หลากหลายและตัวชี้วัดที่ปรับแต่งได้
        • ฟีเจอร์โซเชียลเทรด รวมถึงการแบ่งปันความคิดและการแชทในชุมชน
        • บูรณาการกับโบรกเกอร์ต่างๆ เพื่อการเทรดโดยตรงจากแผนภูมิ

5. แพลตฟอร์มที่เป็นกรรมสิทธิ์

        • นอกเหนือจากแพลตฟอร์มการเทรดของบุคคลที่สามแล้ว โบรกเกอร์หลายรายยังเสนอแพลตฟอร์มที่เป็นกรรมสิทธิ์ซึ่งโบรกเกอร์พัฒนาขึ้นภายในบริษัทเอง ตัวอย่างของแพลตฟอร์มที่เป็นกรรมสิทธิ์ยอดนิยม ได้แก่ eToro (ผู้เชี่ยวชาญด้านโซเชียลเทรด), Plus500 (ออกแบบมาสำหรับมือใหม่ด้วยอินเตอร์เฟซผู้ใช้ที่เรียบง่ายและฟีเจอร์การจัดการความเสี่ยงที่ดี) และโบรกเกอร์เชิงโต้ตอบ (ออกแบบมาสำหรับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์พร้อมเครื่องมือการเทรดขั้นสูงและประสบการณ์การใช้งานที่ซับซ้อน)

Trading Platforms for Thai Traders

ประโยชน์ของการเทรด Forex

การซื้อขายฟอเร็กซ์มอบประโยชน์มากมาย ได้แก่:

  • สภาพคล่องสูง: Forex เป็นหนึ่งในตลาดที่มีสภาพคล่องมากที่สุดในโลก ซึ่งหมายความว่ามีปริมาณการเทรดที่สูงและมีเทรดเดอร์ Forex จำนวนมาก ทำให้ง่ายต่อการเข้าและออกจากการซื้อขายอย่างรวดเร็ว
  • โอกาสในการทำกำไร: เนื่องจากตลาด Forex มีสภาพคล่องและความผันผวนสูง จึงมีโอกาสมากมายในการทำกำไร
  • การเข้าถึง: การซื้อขาย Forex สามารถเข้าถึงได้สำหรับทุกคนที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและบัญชีการเทรด ทำให้บุคคลทั่วไปสามารถเข้าร่วมในตลาดได้ง่ายขึ้น
  • การกระจายความเสี่ยง: การซื้อขายฟอเร็กซ์ให้โอกาสในการกระจายพอร์ตการซื้อขายของคุณโดยรวมสกุลเงินเป็นประเภทสินทรัพย์
  • เลเวอเรจ: โบรกเกอร์ Forex ซ์มักเสนอเลเวอเรจสูง ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถควบคุมสกุลเงินจำนวนมากด้วยการลงทุนที่ค่อนข้างน้อย

ความเสี่ยงของการเทรด Forex

เช่นเดียวกับการลงทุนใดๆก็ตาม การเทรด Forex ก็มีความเสี่ยงเช่นกัน ความเสี่ยงทั่วไปบางประการ ได้แก่:

  • ความผันผวน: ราคา Forex อาจมีความผันผวนสูงและอาจผันผวนอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดการสูญเสียอย่างมีนัยสำคัญ
  • เลเวอเรจ: แม้ว่าเลเวอเรจจะช่วยเพิ่มผลกำไรได้ แต่ก็สามารถเพิ่มการขาดทุนได้ ซึ่งอาจนำไปสู่การปิดบัญชีได้
  • ความเสี่ยงของคู่สัญญา: การเทรด Forex เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงของคู่สัญญา ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่อีกฝ่ายในการเทรดจะไม่ปฏิบัติตามภาระผูกพันของตน

Pros and Cons of Forex Trading in Thailand

กฎระเบียบฟอเร็กซ์ในประเทศไทย

โบรกเกอร์ Forex และบริษัทที่ให้บริการทางการเงินทั้งหมดควรได้รับการควบคุม สิ่งนี้จะเพิ่มระดับความไว้วางใจและอำนาจให้กับโบรกเกอร์รายนั้น

ในประเทศไทย การเทรด Forex ได้รับการควบคุมโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) หน่วยงานกำกับดูแลเหล่านี้กำหนดและบังคับใช้กฎและข้อบังคับสำหรับโบรกเกอร์ Forex เทรดเดอร์ และผู้เข้าร่วมตลาดการเงินอื่นๆ ในประเทศไทย เพื่อให้มั่นใจถึงแนวทางปฏิบัติในการซื้อขายที่ยุติธรรมและโปร่งใส

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือมีโบรกเกอร์ออนไลน์เพียงไม่กี่รายที่ใช้หน่วยงานกำกับดูแลของไทยเหล่านี้ แต่พวกเขาใช้หน่วยงานกำกับดูแลอื่นๆ เช่น สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์แห่งบาฮามาส (SCB) แทน ในฐานะเทรดเดอร์ชาวไทย จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมองหาโบรกเกอร์ที่มีกฎระเบียบที่เข้มงวดซึ่งใช้หน่วยงานกำกับดูแลระดับ 1 เพื่อความไว้วางใจด้วย

  • มีเงื่อนไขบางประการที่คุณต้องปฏิบัติตามในฐานะเทรดเดอร์ชาวไทย:
  • คุณไม่สามารถเทรดเงินบาทได้โดยตรงเนื่องจากเป็นสกุลเงินที่ถูกจำกัด
  • เลเวอเรจจำกัดอยู่ที่ 50:1 สำหรับคู่เงินหลักและคู่รอง และ 20:1 สำหรับคู่เงินแปลกใหม่
  • สามารถใช้ได้เฉพาะโบรกเกอร์ที่ได้รับอนุญาตจากประเทศไทยหรือเขตอำนาจศาลที่จดทะเบียนอื่น ๆ เท่านั้น

Forex Regulations in Thailand

คำถามที่พบบ่อย

  1. การเทรด Forex เสี่ยงไหม
    ใช่แล้ว การซื้อเทรด Forex มีความเสี่ยง เช่นเดียวกับการลงทุนอื่นๆ มีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เช่น ความผันผวนของตลาด เลเวอเรจ และความเสี่ยงจากคู่สัญญา อย่างไรก็ตาม ด้วยแผนการเทรดที่แข็งแกร่ง กลยุทธ์การจัดการความเสี่ยง และแนวทางการเทรดที่มีระเบียบวินัย นักลงทุนสามารถลดความเสี่ยงเหล่านี้และอาจประสบความสำเร็จในระยะยาว
  2. การเทรด Forex เหมาะกับมือใหม่หรือไม่
    ใช่ ใครก็ตามที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและมีบัญชีเทรดสามารถเริ่มเทรด Forex ได้ อย่างไรก็ตาม คุณจำเป็นต้องค้นคว้าข้อมูล สร้างกลยุทธ์การเทรด และทำความเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องก่อนตัดสินใจลงทุน
  3. ฉันต้องใช้เงินเท่าไหร่ในการเริ่มเทรด Forex
    จำนวนเงินทุนที่จำเป็นในการเริ่มต้นการเทรด Forex จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์และบัญชีเทรด โบรกเกอร์บางรายอนุญาตให้เทรดเดอร์เปิดบัญชีด้วยเงินเพียง $10 ในขณะที่โบรกเกอร์อื่นๆ อาจต้องมีเงินฝากขั้นต่ำ $1,000 หรือมากกว่า
  4. เวลาที่ดีที่สุดในการเทรด Forex คือตอนไหน
    การเทรด Forex เป็นตลาดที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง แต่มีบางครั้งที่ตลาดมีความกระตือรือร้นและผันผวนมากกว่าปกติ ทำให้เกิดโอกาสในการเทรดมากขึ้น เวลาที่ดีที่สุดในการซื้อขายฟอเร็กซ์ขึ้นอยู่กับสถานที่ตั้งของเทรดเดอร์และกลยุทธ์การเทรด แต่โดยทั่วไปแล้วชั่วโมงการเทรดที่มีการเคลื่อนไหวมากที่สุดจะเกิดขึ้นในช่วงที่ทับซ้อนกันของช่วงเวลาการเทรดในเอเชีย ยุโรป และสหรัฐอเมริกา
  5. ฉันสามารถเทรด Forex บนอุปกรณ์มือถือของฉันได้หรือไม่
    ได้สิ โบรกเกอร์ Forex ส่วนใหญ่เสนอแพลตฟอร์มการเทรดบนมือถือที่ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเข้าถึงตลาดจากสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตของตนได้ การเทรดผ่านอุปกรณ์มือถือมอบความยืดหยุ่นและความสะดวกสบายที่มากขึ้นสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการติดตามสถานะของพวกเขาในระหว่างการเดินทาง อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องแน่ใจว่าแพลตฟอร์มมือถือมีความปลอดภัยและเชื่อถือได้ก่อนทำการเทรด
About the author:

Justin Grossbard

Having traded since 1998, Justin is the CEO and Co-Founded CompareForexBrokers in 2004. Justin has published over 100 finance articles from Forbes, Kiplinger to Finance Magnates. He has a Masters and Commerce degree and has an active role in the fintech community. He has also published a book in 2023 on on investing and trading.

Back to top