โบรกเกอร์ Forex ที่ดีที่สุด 2025

ผมขอแนะนำ Pepperstone ในฐานะ โบรกเกอร์ Forex ที่ดีที่สุดสำหรับเทรดเดอร์ชาวไทย เนื่องจากโบรกเกอร์มีค่าธรรมเนียมการเทรดฟอเร็กซ์ที่ต่ำ ที่มาพร้อมความหลากหลายของแพลตฟอร์มการเทรดที่ทรงพลัง การดำเนินการที่รวดเร็ว และเครื่องมือการเทรดขั้นสูงที่มีประสิทธิภาพ โดยสรุป Pepperstone คือโบรกเกอร์ที่ส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ครบถ้วนและสมบูรณ์แบบ

ในฐานะหนึ่งในโบรกเกอร์ที่ดีที่สุดที่ผมเคยลองเทรดด้วย ผมให้คะแนน Pepperstone สูงสุดที่ 98/100

Pepperstone เป็นโบรกเกอร์จากออสเตรเลียที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2010 ได้รับการจัดอันดับสูงสุดจากผมในฐานะ โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่ดีที่สุด เนื่องจากความเร็วในการดำเนินการที่สูง เครื่องมือ Smart Trader และการบริการลูกค้าที่ได้รับรางวัลการันตี

จากประสบการณ์การเทรดของผม ผมพบว่า Pepperstone เป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือที่สุดในอุตสาหกรรม เนื่องจากได้รับการควบคุมจากหน่วยงานสากลในหลากหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็น สหราชอาณาจักร, ออสเตรเลีย, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, เยอรมนี, ไซปรัส, เคนยา และบาฮามาส รวมถึง SCB สำหรับเทรดเดอร์ชาวไทย นอกจากนี้ โบรกเกอร์ยังมีการจัดการเงินฝากของลูกค้าอย่างยอดเยี่ยม โดยทุกคนจะได้รับบัญชีแยกต่างหากและมีการคุ้มครองยอดติดลบ

ส่งออเดอร์ด้วยความเร็วสูง

เนื่องความเร็วในการส่งคำสั่งซื้อขายเป็นเรื่องสำคัญในการเทรด เพราะความล่าช้าที่เกิดขึ้นอาจส่งผลให้ราคาที่คุณได้รับคาดเคลื่อนไปจากแผนเดิม และกระทบไปถึงผลกำไรในขั้นสุดท้ายได้ ดังนั้น ผมจึงให้ความสำคัญกับการทดสอบในหัวข้อนี้เป็นพิเศษ

ซึ่งผมพบว่า Pepperstone ทำความเร็วได้น่าประทับใจ เป็นโบรกเกอร์ลำดับที่สามในรายชื่อโบรกเกอร์ที่มีความเร็วสูงสุดของปีนี้ โดย Pepperstone ใช้ความเร็วเฉลี่ย 77 มิลลิวินาทีสำหรับ Limit Order และ 100 มิลลิวินาทีสำหรับคำสั่ง Market Order (ความเร็วที่ต่ำกว่า 100 มิลลิวินาทีจะถือว่าเป็นความเร็วในระดับสูง)

แพลตฟอร์มการเทรดที่ดีและเครื่องมือการ copy trade

Pepperstone โดดเด่นด้วยการนำเสนอแพลตฟอร์มการเทรดที่หลากหลาย รวมถึง MetaTrader 4 (MT4), MetaTrader 5 (MT5), cTrader, TradingView และแพลตฟอร์มการเทรดของ Pepperstone เอง อย่างไรก็ตาม ผมมองว่า MT4 ของ Pepperstone ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุด

MT4 เป็นแพลตฟอร์มการเทรดที่เป็นที่นิยมที่สุดในโลกสำหรับการเทรด Forex มาตั้งแต่ปี 2007 ฟีเจอร์มาตรฐานของ MT4 ได้แก่ Expert Advisors (EAs), อินดิเคเตอร์ในตัว 30 รายการ, เครื่องมือการวิเคราะห์ 21 รายการ และกรอบเวลา 9 ช่วง

หากคุณต้องการตัวเลือกการวิเคราะห์กราฟที่มากขึ้น ให้พิจารณา MT5 ซึ่งเป็นรุ่นถัดไปจาก MT4 ซึ่งมีอินดิเคเตอร์ในตัว 43 รายการ, เครื่องมือการวิเคราะห์ 30 รายการ และกรอบเวลา 21 ช่วง โดย MT5 เป็นตัวเลือกที่ดีกว่าหากคุณอยากจะเทรด CFD หุ้น (นอกเหนือจากผลิตภัณฑ์ CFD อื่นๆ) และ MT5 ยังให้การทดสอบย้อนหลัง (Back Testing) ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากมีการประมวลผลแบบ 64 บิตอีกด้วย

ไม่ว่าคุณจะเลือก MT4 หรือ MT5 ทาง Pepperstone ก็มีส่วนเสริม MetaTrader ที่เรียกว่า Smart Trader Tools ซึ่งช่วยยกระดับประสบการณ์การเทรดของคุณได้อย่างมาก ชุดเครื่องมือ Smart Trader Tools ประกอบด้วยแอปพลิเคชันที่ออกแบบมาเพื่อปรับปรุงการวิเคราะห์และการดำเนินการเทรด 28 ตัว ซึ่งรวมถึงอินดิเคเตอร์ขั้นสูงและ EAs สำหรับการจัดการความเสี่ยงที่ดีกว่า ช่วยให้คุณสามารถปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพกลยุทธ์การเทรดของคุณได้มากขึ้น

ผมพบว่า Mini Terminal มีความสำคัญอย่างยิ่ง ช่วยให้ผมสามารถสร้างแม่แบบคำสั่งสำหรับคำสั่งใหม่ทั้งหมด ซึ่งช่วยให้การเทรดในช่วงเวลาที่ตลาดมีความผันผวนสูงเป็นไปอย่างราบรื่น

Pepperstone ยังมีตัวเลือกการ copy trade ที่ดี รวมถึง Signal Start (เดิมเป็นส่วนหนึ่งของชุด Myfxbook), cTrader Copy, DupliTrade และแอป Pepperstone Copy Trading ที่ได้รับการพัฒนาร่วมกับ Pelican Inc หนึ่งในเครือข่ายการ copy trade ที่ดีที่สุดในตลาด ทำให้คุณสามารถเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะกับระดับความเสี่ยงและเป้าหมายการลงทุนของคุณได้ตรงจุดมากขึ้น

การบริการลูกค้าที่ยอดเยี่ยม

การบริการลูกค้าของ Pepperstone นั้นยอดเยี่ยม ได้รับรางวัลหลายรางวัลจากรายงาน Investment Trends ตั้งแต่ปี 2016 ถึง 2021 จากการบริการลูกค้าของโบรกเกอร์มีคุณภาพสูง ครอบคลุมและความเชี่ยวชาญ

ตัวอย่างเช่น เมื่อผมเปิดบัญชีทดลอง MT4 ผมได้รับการแนะนำตลอดกระบวนการโดยผู้จัดการบัญชีส่วนตัว ซึ่งช่วยให้ผมสามารถตั้งค่าบัญชีได้ภายในไม่กี่นาที

ผมขอแนะนำ Eightcap ในฐานะโบรกเกอร์ที่ดีที่สุดสำหรับการเทรด CFD Forex และคริปโตในประเทศไทย เนื่องจากมีคู่สกุลเงิน Forex มากกว่า 50 คู่และคริปโต 95 รายการให้เทรด ซึ่งรวมถึงเหรียญหลัก (Bitcoin, Ethereum และ Litecoin) พร้อมด้วยตัวเลือก altcoins อีกหลายตัว

Eightcap ก่อตั้งขึ้นในออสเตรเลีย เป็นโบรกเกอร์อันดับหนึ่งสำหรับเทรดเดอร์คริปโต เนื่องจากมีตัวเลือกคริปโตเคอร์เรนซีให้เลือกมากถึง 95 รายการ ในฐานะเทรดเดอร์ชาวไทย คุณยังสามารถซื้อขายสินทรัพย์อื่นๆ ได้อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น คู่ Forex 56 คู่, โลหะ, ดัชนี เป็นต้น

นอกจากนี้โบรกเกอร์ยังเสนอแพลตฟอร์มการเทรด MT4, MT5 หรือ TradingView ที่มาพร้อมกับสเปรดที่ไม่น้อยหน้าใครอีกด้วย

นอกจากการดูแลโดย SCB แล้ว Eightcap ยังได้รับการดูแลจากหน่วยงานชั้นนำอื่นๆ เช่น ASIC, FCA และ CySEC ซึ่งหมายความว่า Eightcap เป็นโบรกเกอร์ระดับสากลที่มีความน่าเชื่อถือสูงอีกแห่งหนึ่ง

สเปรดที่แข่งขันได้

จากการวิเคราะห์สเปรดสำหรับคู่สกุลเงินฟอเร็กซ์ ผมพบว่า Eightcap มีสเปรดที่ต่ำทั้งในบัญชีประเภท Standard และ RAW

เราประทับใจกับสเปรดเฉลี่ยที่ต่ำของโบรกเกอร์ซึ่งอยู่ที่ 1.16 pips สำหรับบัญชี Standard (ที่ไม่มีค่าคอมมิชชัน) เรียกได้ว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ที่ 1.53 pips ทำให้ Eightcap ถูกจัดอันดับอยู่ในลำดับที่หกจากโบรกเกอร์ 40 แห่งที่เราได้ทำการวิเคราะห์

นอกจากนี้ บัญชี Raw ของ Eightcap ยังเสนอสเปรดโดยเฉลี่ยเพียง 0.06 pips สำหรับคู่สกุลเงิน EUR/USD ซึ่งสเปรดดังกล่าวมีค่าต่ำเป็นอันดับที่สองจากโบรกเกอร์ 40 แห่งที่ผมทำการวิเคราะห์ (รองจาก IC Markets เท่านั้น) และค่าคอมมิชชันของ Eightcap อยู่ที่ $3.50 ต่อล็อตเท่านั้น

สเปรดที่ต่ำเหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ ซึ่งต้องการใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของราคาเล็กน้อยและการเทรดในปริมาณสูง รวมถึงผู้เริ่มต้นที่ต้องการสเปรดที่แข่งขันได้โดยไม่ต้องเสียค่าคอมมิชชันสูง

การเทรดคริปโตชั้นนำ

Eightcap โดดเด่นในฐานะโบรกเกอร์คริปโตชั้นนำ โดยเฉพาะสำหรับเทรดเดอร์ชาวไทย เนื่องจากมีตัวเลือกคริปโต CFD ที่หลากหลาย

โบรกเกอร์นี้เสนอคริปโต CFD มากกว่า 95 รายการ รวมถึงเหรียญหลักอย่าง Bitcoin, Ethereum และ Litecoin พร้อมด้วย altcoins อีกหลายตัว ความหลากหลายนี้ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาของคริปโตเคอเรนซีต่างๆ และใช้ประโยชน์จากความผันผวนและสภาพคล่องในตลาดคริปโตได้

แน่นอนว่า Eightcap มีสินทรัพย์อื่นที่นอกจากคริปโต ไม่ว่าจะเป็น ฟอเร็กซ์ สินค้าโภคภัณฑ์ ดัชนี และหุ้น เป็นต้น

Capitalise.ai ตัวช่วยในการวิเคราะห์ตลาดของคุณ

จากประสบการณ์เทรดกับ Eightcap ผมพบว่า คุณไม่เพียงจะได้รับประโยชน์จากความหลากหลายของแพลตฟอร์มเทรด เช่น MetaTrader 4, MetaTrader 5 และ TradingView แต่คุณยังสามารถใช้งานเครื่องมือวิเคราะห์ตลาดได้อีกหลายตัว

ตัวอย่างเครื่องมือที่ผมใช้บ่อย ๆ เช่น

• Eightcap Labs พอร์ทัลข้อมูลการเทรด ที่รวบรวมเนื้อหาตั้งแต่บทความ คู่มือเทรด และ e-books ที่จำเป็นในการพัฒนาทักษะการลงทุนของคุณ
• FlashTrader เครื่องมือจัดการความเสี่ยงที่คุณสามารถควบคุมคำสั่งที่สำคัญได้ด้วยคลิกเดียว ไม่ว่าจะเป็น กำไร ขนาดตำแหน่ง หรือจุด Stop และ Limit ที่ต้องการ
• Capitalise.ai ทำงานในรูปแบบอัลกอริธึมการเทรดอัตโนมัติ ที่คุณสามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องมีทักษะการเขียนโค้ด

ผมอยากแนะนำ Exness ในฐานะโบรกเกอร์ที่มีเลเวอเรจสูงที่สุดสำหรับเทรดเดอร์ชาวไทย โดยเสนอเลเวอเรจที่เกือบจะไม่มีขีดจำกัด ซึ่งช่วยเพิ่มพลังในการเทรดของคุณ หมายความว่ามูลค่าการเทรดของคุณจะสูงกว่าทุนจริงของคุณ

Exness ก่อตั้งขึ้นในปี 2008 และมีสำนักงานใหญ่ในไซปรัส เป็นโบรกเกอร์ Forex และ CFD ที่มีการกำกับดูแลเป็นอย่างดี ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่เทรดเดอร์ชาวไทยเป็นอย่างมาก

เนื่องจาก Exness มีตัวเลือกที่หลากหลายและตัวเลือกบัญชีที่มีค่าใช้จ่ายที่ไม่แพง เช่น >บัญชี Exness zero และมีการเสนอผลิตภัณฑ์ให้เทรดมากกว่า 230 ชนิด พร้อมการให้บริการแพลตฟอร์มการเทรดยอดนิยม เช่น MT4, MT5 และแพลตฟอร์มเฉพาะของตัวเอง Exness Terminal

เลเวอเรจสูงไม่จำกัด

Exness นำเสนอเลเวอเรจในจำนวนสูงจนแทบจะไม่ขีดจำกัดเลย ซึ่งอาจเป็นข้อดีสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการใช้ประโยชน์จากความผันผวนของตลาด แต่แน่นอนว่ายังมีความเสี่ยงสำหรับผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ ซึ่งผมขอแนะนำให้เสี่ยงเในจำนวนที่คุณสามารถสูญเสียได้เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม เลเวอเรจที่คุณจะได้รับขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่คุณฝากและประเภทบัญชีของคุณ เช่น บัญชี Exness pro ที่มักให้เลเวอเรจที่สูงกว่า ซึ่งเราได้แสดงไว้ด้านล่างนี้ โดยทั่วไปเลเวอเรจเริ่มต้นที่คุณจะได้รับคือ 1:2000 ซึ่งคุณสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามต้องการ (หากคุณมีคุณสมบัติเหมาะสม)

การเทรดที่ปลอดค่าคอมมิชชัน

ในการทดสอบของผม ผมใช้บัญชี Standard ที่เสนอการเทรดไม่มีค่าคอมมิชชันพร้อมสเปรดลอยตัวเริ่มต้นที่ 0.2 pips อย่างไรก็ตาม ผมพบว่าสเปรดปกติใกล้เคียงกับ 1.0 pips แม้จะเป็นเช่นนั้น สเปรดยังคงดีกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมและเหมาะสำหรับกลยุทธ์การเทรดที่หลากหลาย

นอกจากนี้ Exness ยังมีการฝากขั้นต่ำเพียง $200 ทำให้เข้าถึงได้สำหรับเทรดเดอร์มากมาย

แพลตฟอร์มที่เป็นกรรมสิทธิ์ที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้

แพลตฟอร์มที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ Exness ใช้งานง่ายและมีความหลากหลาย มีอินดิเคเตอร์ทางเทคนิคและเครื่องมือวาดกราฟมากกว่า 150 รายการ รวมถึงการกำหนดค่ากราฟที่หลากหลายสำหรับการวิเคราะห์ทางเทคนิคอย่างลึกซึ้ง

นอกจากนี้ ยังมี Trading Central ซึ่งให้ผู้ใช้เข้าถึงสัญญาณการเทรดที่สามารถดำเนินการได้โดยตรงผ่าน Exness Terminal

จากการทดสอบของผม IC Markets เสนอสเปรดที่ต่ำที่สุดในบัญชีการเทรดทั้งสองประเภท ซึ่งช่วยลดต้นทุนการเทรดโดยรวมได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ผมยังชอบความหลากหลายของแพลตฟอร์มการเทรดของ IC Markets (MT4, MT5, cTrader และ TradingView) และความหลากหลายของเครื่องมือการ copy trade ซึ่งรวมถึง ZuluTrade, Myfxbook และ cTrader Copy

หากคุณกำลังมองหาโบรกเกอร์ forex สเปรดต่ำในประเทศไทย IC Markets อาจเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม โบรกเกอร์นี้ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 2007 และมีสำนักงานใหญ่ในซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย

IC Markets ได้รับการควบคุมโดย CySEC, ASIC, SCB (สำหรับเทรดเดอร์ชาวไทย) และ FSA ของเซเชลส์ โบรกเกอร์นี้เสนอการเข้าถึงเครื่องมือทางการเงินมากกว่า 2,250 รายการผ่านแพลตฟอร์ม MT4, MT5 และ cTrader

สเปรดต่ำที่สุดจากการทดสอบ

จากการวิเคราะห์ของผมพบว่า IC Markets ให้สเปรดที่ต่ำที่สุดสำหรับบัญชีผู้ลงทุนทั่วไปทั้งสองประเภทที่ให้บริการในไทย บัญชี Standard ที่ไม่มีค่าคอมมิชชันของโบรกเกอร์นี้มีสเปรดเฉลี่ย 0.73 pips สำหรับคู่สกุลเงิน EUR/USD ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ต่ำที่สุดในบรรดาโบรกเกอร์ชั้นนำทั้ง 20 แห่งที่เราได้ทำการประเมิน

เมื่อพิจารณาสเปรดเฉลี่ยของคู่สกุลเงินสำคัญ (AUD/USD, EUR/USD, GBP/USD, USD/CAD และ USD/CHF) ผมพบว่า IC Markets ทำได้ดีด้วยสเปรดเฉลี่ย 1.03 pips ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอุตสาหกรรมที่ 1.49 pips อย่างมีนัยสำคัญ

จากประสบการณ์การเทรดของผม สเปรดเหล่านี้ถือว่าต่ำมาก สเปรดเฉลี่ยสำหรับคู่สกุลเงิน EUR/USD บนบัญชีที่ไม่มีค่าคอมมิชชันมักจะอยู่ที่ประมาณ 1.0 pips ซึ่งทำให้สเปรด 0.73 pips ของ IC Markets นั้นน่าสนใจมาก

ในฐานะโบรกเกอร์ที่มีชื่อเสียงด้านความคุ้มทุน IC Markets มีสเปรดเฉลี่ย 0.32 pips สำหรับคู่สกุลเงินหลักที่คู่กับ USD บนบัญชี RAW และเมื่อเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยของโบรกเกอร์ซึ่งอยู่ที่ 0.49 pips ทำให้ IC Markets อยู่ในอันดับที่สามจากการประเมินบัญชี RAW/ECN ของเรา โดยเป็นรองเพียง Fusion Markets (0.22 pips) และ City Index (0.25 pips)

ค่าคอมมิชชันต่ำด้วย cTrader

นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายในบัญชีการเทรดที่มีให้สำหรับเทรดเดอร์ชาวไทยก็มีความแตกต่างกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าคุณใช้แพลตฟอร์ม MetaTrader หรือ cTrader

สำหรับบัญชีที่มีค่าคอมมิชชัน จะมีค่าธรรมเนียม $3.50 ต่อล็อต ต่อด้าน บน MetaTrader และค่าธรรมเนียม $3.00 ต่อล็อต ต่อด้าน บน cTrader ซึ่งถือเป็นมาตรฐานในอุตสาหกรรม และอีกสิ่งหนึ่งที่ผมชื่นชอบใน IC Markets คือการไม่มีข้อจำกัดระยะการสั่งซื้อ ซึ่งทำให้คุณสามารถวางคำสั่งได้ใกล้กับราคาตลาดปัจจุบันมากๆ

ผมแนะนำ Tickmill เนื่องจากโบรกเกอร์นี้มีสเปรดแบบ RAW ที่ต่ำ เฉลี่ย 0.16 pips ในสกุลเงินหลักหลายคู่ ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายโดยรวมในการเทรดของคุณได้

TickMill เป็นโบรกเกอร์ Forex ที่ได้รับการยอมรับ อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ DFSA โดย TickMill มีชื่อเสียงในแง่โบรกเกอร์ที่เสนอสเปรดที่ต่ำที่สุดในอุตสาหกรรม นอกจากจุดแข็งในด้านเงื่อนไขเงินฝากขั้นต่ำ 100 ดอลลาร์ และเลเวอเรจอาจสูงสุด 1:1,000 (ขึ้นอยู่กับขนาดการเทรด) คุณยังสามารถเลือกเทรดบนแพลตฟอร์มได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น MT4 หรือ MT5 และยังสามารถเลือกใช้ TickMill Trader และ TickMill Trader App ก็ได้ด้วย

และจากการทดสอบ ผมพบว่า โบรกเกอร์นี้ยังโดดเด่นด้วยความสามารถในการเทรดฟิวเจอร์ส แพลตฟอร์มโซเชียลเทรดของตนเอง และข้อเสนอพิเศษในการจ่ายดอกเบี้ย 3.5% สำหรับเงินที่ไม่ได้ใช้ในบัญชีของคุณ

สเปรดต่ำ เริ่มต้นที่ 0.0 pips

แม้ว่าโบรกเกอร์หลายแห่งจะโฆษณาว่าสเปรดเริ่มต้นที่ 0.0 pips แต่มีเพียงไม่กี่แห่งที่รักษาสเปรดต่ำเหล่านี้ได้อย่างสม่ำเสมอ ในการวิเคราะห์ของผมเกี่ยวกับ TickMill และโบรกเกอร์อีก 14 แห่งที่เสนอบัญชี ECN/RAW ด้วยสเปรดเริ่มต้นที่ศูนย์ พบว่า TickMill เป็นผู้นำสำหรับตัวเลือกนี้

ในการทดสอบจริง สเปรดเฉลี่ยสำหรับการเทรดคู่สกุลเงินหลักทั้งหกคู่บนบัญชี RAW ของโบรกเกอร์ TickMill มีค่าประมาณ 0.47 pips และเมื่อดูค่าสเปรดเฉลี่ยในคู่ EUR/USD จะพบว่าสเปรดแคบถึง 0.15 pips เลยทีเดียว

การเทรดฟิวเจอร์ส

TickMill ต่างจากโบรกเกอร์ส่วนใหญ่ที่มีการเทรดด้วยผลิตภัณฑ์ CFD แบบดั้งเดิม เช่น ฟอเร็กซ์ หุ้น สกุลเงินดิจิทัล และดัชนี โดยโบรกเกอร์นี้เสนอตัวเลือกการเทรดฟิวเจอร์สและออปชัน

ทั้งนี้ ฟิวเจอร์สสามารถเป็นวิธีที่ดีในการลดความเสี่ยง (ที่รู้จักกันว่า hedge) คุณสามารถนำไปเทรดสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ฟอเร็กซ์ สกุลเงินดิจิทัล อัตราดอกเบี้ย ดัชนีหุ้น และสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น พลังงานและโลหะ เป็นต้น

ราคาจะถูกกำหนดจากโบรกเกอร์ โดยมีตลาดอนุพันธ์ เช่น CME, CBOT, NYMEX, COMEX และ EUREX เป็นต้น สำหรับค่าใช้จ่ายในการเทรดจะอยู่ที่ $1.30 สำหรับสัญญามาตรฐาน และ $0.85 สำหรับสัญญาขนาดเล็ก แต่การเทรดผลิตภัณฑ์เหล่านี้ คุณจะต้องใช้แพลตฟอร์มการเทรด CQG หรือ MultiCharts และมีเงินฝากขั้นต่ำ $1,000

เราแนะนำ FBS ในฐานะโบรกเกอร์ที่ดีสุดที่มาพร้อมกับข้อเสนอเลเวอเรจสูง โดยเสนอเลเวอเรจสูงสุดถึง 1:3,000 สำหรับการซื้อขายฟอเร็กซ์ ถึงแม้ใน Exness จะมีเลเวอเรจสูงกว่านี้ก็ตาม (แทบจะไม่จำกัด) แต่ผมเชื่อว่า 1:3,000 ก็เพียงพอสำหรับการเพิ่มศักยภาพในการทำกำไรของคุณแล้ว

หากคุณกำลังมองหาโบรกเกอร์ Forex ที่เสนอประเภทบัญชีการเทรดที่ไม่มีค่าคอมมิชชันและมีเลเวอเรจสูง FBS อาจเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคุณ FBS ก่อตั้งขึ้นในปี 2009 และได้รับการควบคุมโดย CySEC, ASIC, FSCA และ IFSC Belize

โบรกเกอร์แห่งนี้เสนอบัญชีการเทรดให้เลือกสามประเภท พร้อมผลิตภัณฑ์ทางการเงินมากกว่า 182 รายการ และเลเวอเรจสูงสุดถึง 1:3,000 สำหรับคู่สกุลเงิน Forex

ความหลากหลายของประเภทบัญชี

ในการทดสอบจริง ผมพบว่าเทรดเดอร์ชาวไทยสามารถเลือกใช้บัญชีเทรด FBS ได้ทั้งหมดสามประเภท ได้แก่ Standard, Cent และ Pro ซึ่งแต่ละประเภทมีข้อจำกัดด้านเลเวอเรจ สเปรด และข้อกำหนดเงินฝากขั้นต่ำที่แตกต่างกัน

บัญชี Standard มีเลเวอเรจสูงสุดถึง 1:3,000 ส่วนบัญชี Cent มีเงินฝากขั้นต่ำต่ำที่สุดที่ $1 และบัญชี Pro มีสเปรดต่ำที่สุด เริ่มต้นที่ 0.5 pips

หลังจากเปิดบัญชี Standard จริงเพื่อตรวจสอบสเปรดที่เกิดขึ้นจริงสำหรับคู่สกุลเงิน EUR/USD ผมพบว่าสเปรดเฉลี่ยอยู่ที่ 0.95 pips ในช่วงเวลาลอนดอนและนิวยอร์ก และเนื่องจากบัญชีทั้งสามประเภทไม่มีค่าคอมมิชชัน สเปรดนี้จึงดีกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 1.0 pips

สเปรดสูงถึง 1:3,000

ประเภทบัญชีแต่ละประเภทมีเลเวอเรจสูงมาก ตั้งแต่ 1:1,000 ถึง 1:3,000 เนื่องจากอยู่ภายใต้หน่วยงานที่ได้รับการควบคุมโดย IFSC Belize ซึ่งแตกต่างจากโบรกเกอร์ที่ควบคุมโดย CySEC และ ASIC ที่จะจำกัดเลเวอเรจสูงสุดที่ 1:30 สำหรับคู่สกุลเงินต่างๆ และนี่ถือเป็นข้อได้เปรียบสำหรับเทรดเดอร์ชาวไทย

โปรดทราบ แม้ว่าเลเวอเรจสูงจะสามารถเพิ่มผลกำไรได้ แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงในการขาดทุนด้วย ดังนั้นการจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญ

ช่องทางการฝากเงินกว่า 200 แบบ

FBS มีช่องทางฝากเงินมากกว่า 200 แบบ สำหรับบัญชีเทรดของคุณ นอกจากช่องทางทั่วไปเช่น บัตรเครดิตและบัตรเดบิต (เช่น Visa, Maestro และ MasterCard) และ eWallets เช่น PayPal โบรกเกอร์ FBS ยังรับเงินฝากผ่าน Thai QR, ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และธนาคารกสิกรไทย

เป็นที่น่าสนใจว่า การฝากเงินผ่านช่องทางเหล่านี้ไม่มีค่าใช้จ่ายและสามารถฝากได้ตั้งแต่ 350 ถึง 500,000 บาท พร้อมดำเนินการทันทีหรือภายใน 15 ถึง 20 นาทีเท่านั้น

สำหรับการถอนเงินจาก FBS โดยทั่วไปจะใช้เวลาภายใน 15 ถึง 20 นาทีหากถอนผ่านบัตร พร้อมขีดจำกัดตั้งแต่ 150,000 บาท ถึง 500,000 บาท หรือเลือกใช้ Sticpay, ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารออมสิน และธนาคาร CIMB ไทย แต่การถอนเงินผ่านช่องทางเหล่านี้จะใช้เวลาประมาณ 20 นาที และอาจนานถึง 48 ชั่วโมงในบางเวลา

ข้อเสนอโบนัสที่หลากหลาย

FBS มีโบนัสและโปรโมชันที่หลากหลายสำหรับบัญชีทั้งสามประเภท รวมถึงโบนัสเงินฝาก 100% และเงินคืนจากการเทรด (มีให้เฉพาะเมื่อใช้ FBS Trader)

สำหรับข้อเสนอเงินคืน คุณสามารถรับเงินคืนสูงสุดถึง 5% ของสเปรดที่จ่ายไปสำหรับการเทรดที่ไม่เกิน 13 ล็อต และ 10% สำหรับ 14 ถึง 33 ล็อต และ 15% สำหรับ 34 ถึง 59 ล็อต และ 20% สำหรับ 60 ล็อตขึ้นไป

ในฐานะเทรดเดอร์คนหนึ่งที่นิยมเทรดบนมือถือ ผมคิดว่า MiTrade เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะ Mitrade App มีดีไซน์เรียบง่าย ทำงานได้อย่างลื่นไหล และสามารถใช้งานฟังก์ชันการแจ้งเตือนและกราฟซึ่งใช้เทคโนโลยีจาก TradingView ได้ด้วย

นอกจากความหลากหลายของสินทรัพย์ที่เปิดให้เทรดมากกว่า 400 รายการ ผมยังประทับใจในทั้งส่วนของค่าธรรมเนียมของโบรกเกอร์ MiTrade ที่ผมพบว่า สเปรดในคู่ EUR/USD เริ่มต้นเพียง 0.6 pips โดยไม่มีค่าคอมมิชชั่น และการเปิดบัญชีที่เป็นไปอย่างรวดเร็วและใช้เงินฝากเริ่มต้นเพียง 20 ดอลลาร์สหรัฐ โดยไม่มีค่าธรรมเนียมการฝากถอน

ที่สำคัญ ผมสามารถใช้งานพอร์ทัลการศึกษาของโบรกเกอร์ได้ฟรี ทั้งในส่วนของงานวิจัย ข่าวสาร และปฏิทินเศรษฐกิจ และแน่นอนว่า เนื้อหาทั้งหมดนี้อยู่ในรูปแบบภาษาไทบ

ด้วยเหตุผลข้างต้น ทำให้ MiTrade กลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ผมอยากจะแนะนำสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการความเรียบง่ายแต่ยังมีฟีเจอร์การใช้งานที่ครบครันสำหรับการเทรดฟอเร็กซ์บนมือถือ

ผมอยากแนะนำ FxPro เนื่องจาก โบรกเกอร์นี้เสนอประเภทการดำเนินการเทรดหลากหลายรูปแบบ เหมาะกับความต้องการของเทรดเดอร์ชาวไทยทั้งที่ชื่นชอบสเปรดที่เปลี่ยนแปลงได้ คงที่ หรือราคาตลาด

โบรกเกอร์นี้ FxPro เริ่มดำเนินกิจการในปี 2006 โดยมีที่ตั้งของสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงลอนดอน ของประเทศอังกฤษ จากการสำรวจความนิยมในตลาดพบว่า FxPro มีชื่อเสียงในแง่บวกเมื่อพูดถึงโบรกเกอร์ที่มีรูปแบบคำสั่งซื้อขายที่หลากหลายมากที่สุดในตอนนี้

นอกจากนี้ FxPro ยังได้รับความไว้วางใจจากเทรดเดอร์มืออาชีพหลายราย ในฐานะ “โบรกเกอร์ที่มีแพลตฟอร์มและเครื่องมือวิเคราะห์ที่ดีที่สุดในตลาด” อีกด้วย

ประเภทคำสั่งซื้อขาย 3 รูปแบบ

เพื่อยืนยันว่า FxPro มีรูปแบบคำสั่งซื้อขายที่มากที่สุดในตลาด ผมได้ลองใช้งานโบรกเกอร์และพบว่า โบรกเกอร์มีการดำเนินการคำสั่งทั้งแบบ Market, Instant และ Fixed ผ่านบัญชีทั้งสามประเภท ซึ่งก็คือ Standard, Raw+ และ Elite

ความแตกต่างของคำสั่งเหล่านี้คือ การดำเนินการแบบตลาด (Market) จะทำให้คุณเข้าถึงราคาที่มีการซื้อขายจริงในตลาดนั้น ๆ ในขณะที่การดำเนินการแบบทันที (Instant) จะให้ราคาที่มีการซื้อขายจริง ณ เวลาที่คำสั่งถูกดำเนินการ ทำให้ราคาที่ได้รับจริงอาจแตกต่างกับราคาในเวลาที่วางออเดอร์ได้ และสุดท้ายคือ การดำเนินการแบบคงที่ (Fixed) ที่หลายคนชื่นชอบ เพราะการดำเนินคำสั่งเช่นนี้จะทำให้คุณได้รับสเปรดที่คงที่ ไม่ว่าราคาตลาดจะเคลื่อนที่อย่างไรก็ตาม

อย่างไรก็ตาม คุณควรทราบว่าระบบจะกำหนดให้คำสั่งแบบตลาดเป็นค่าเริ่มต้นในบัญชีทั้งสามประเภทของโบรกเกอร์ ซึ่งคุณสามารถเปลี่ยนแปลงประเภทของคำสั่งได้ภายหลัง และหากเข้าถึงการดำเนินคำสั่งแบบทันทีและแบบคงที่ ผมแนะนำให้เลือกใช้งานแพลตฟอร์ม MetaTrader 4 แทนครับ

ทั้งนี้ การเลือกสเปรดแบบทันที หมายความว่า จะไม่มีการเรียกเก็บราคาใหม่ ขณะที่การเลือกแบบคงที่ หมายถึงการที่คุณสามารถเทรด EUR/GBP, EUR/JPY, EUR/USD, GBP/JPY, GBP/USD, USD/CAD และ USD/JPY ได้ด้วยสเปรดแบบคงที่ และทั้งสองบัญชีนี้ไม่มีค่าคอมมิชชัน

นอกเหนือจากบัญชี MT4 และ MT5 แล้ว FxPro ยังมีบัญชีอื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น FX Pro cTrader ซึ่งมีค่าคอมมิชชั่น $4.5 ต่อด้านต่อล็อต และสเปรดเริ่มต้นที่ 0.2 pips และ FX Pro ที่ไม่มีค่าคอมมิชชั่น

แพลตฟอร์มการเทรดที่ครบถ้วน

เมื่อเปิดบัญชีกับ FxPro ผมพบว่าโบรกเกอร์เสนอแพลตฟอร์มการเทรดที่หลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็น MT4, MT5, cTrader และแพลตฟอร์มเฉพาะของ FxPro

สำหรับผู้ที่มองหาการเทรด ECN ที่มีเงื่อนไขที่ดีที่สุด ผมขอแนะนำบัญชี MT5 RAW ซึ่งเสนอสเปรดที่ต่ำที่สุด เริ่มต้นที่ 0.2 pips สำหรับ EUR/USD และรวมถึงฟีเจอร์ขั้นสูง เช่น การเทรดด้วย EA, ความลึกของตลาด (DoM) และเครื่องมือทำกราฟที่ซับซ้อน พร้อม อินดิเคเตอร์ 35 แบบ และกรอบเวลา 21 รายการ

MT4 ก็เป็นตัวเลือกที่ดี โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบวิธีการดำเนินการแบบทันทีและมีการกระจายแบบคงที่ ในขณะที่ cTrader เหมาะสำหรับผู้ที่มองหาแพลตฟอร์มที่มีฟีเจอร์ที่ทันสมัยยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการเทรดแบบอัลกอริธึม

ผมอยากแนะนำ XM ในฐานะโบรกเกอร์ที่มีทรัพยากรทางการศึกษาและการวิจัยตลาดที่ดี ซึ่งเหมาะสำหรับมือใหม่ที่ต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับการเทรด forex

นอกจากการให้ข้อมูลการวิจัยตลาดและทรัพยากรทางการศึกษาที่ดีแล้ว XM Group ยังเสนอเลเวอเรจที่สูงถึง 1:1000 และมี CFD หุ้นเกือบ 1,300 ตัว รวมถึงแอป XM Copy Trading ที่ยอดเยี่ยมของพวกเขา

เลเวอเรจสูงถึง 1:1000

XM Group และ IC Markets ล้วนเสนอเลเวอเรจที่สูงที่สุดสำหรับเทรดเดอร์ชาวไทย โดยสูงถึง 1:1,000 นั่นเพราะ XM ถูกกำกับดูแลโดย FSC-BZ ในเบลีซ ซึ่งให้ความยืดหยุ่นในการกำหนดเลเวอเรจที่มากกว่าหน่วยงานกำกับดูแลอื่นๆ

โดยเลเวอเรจที่สูงขึ้นหมายถึง อำนาจในการซื้อที่เพิ่มขึ้น เพราะคุณจะสามารถเข้าถึงตำแหน่งที่ใหญ่ขึ้นได้โดยไม่ต้องเพิ่มเงินลงทุนให้สูงตามไปด้วย แม้จะฟังดูดี แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ราคาตลาดไม่เป็นอย่างที่คาดหวัง เลเวอเรจที่สูงนี้ก็อาจจะกลายเป็นดาบคมที่ทำให้คุณสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมากในระยะเวลาที่รวดเร็วได้เช่นกัน

ดังนั้น คุณจึงควรใช้ความระมัดระวังในการเทรดด้วยเลเวอเรจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะมือใหม่ที่ควรเลือกใช้เลเวอเรจที่ต่ำร่วมกับเครื่องมือบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม เพื่อความปลอดภัยในการลงทุนของคุณ

แหล่งข้อมูลสำหรับการศึกษาและวิจัยที่ครบถ้วน

ผมพบว่าทรัพยากรด้านการศึกษาและการวิจัยตลาดของ XM นั้นมีประโยชน์อย่างยิ่ง ตอบสนองความต้องการของเทรดเดอร์ทุกระดับ ทรัพยากรถูกแบ่งออกเป็นสองหมวดหมู่หลัก คือ ส่วนการวิจัยตลาดและศูนย์การเรียนรู้ด้านการศึกษาที่ครอบคลุม ซึ่งจากประสบการณ์ของผม มีไม่กี่โบรกเกอร์ที่เสนอแหล่งข้อมูลทางการศึกษาที่ครอบคลุมเช่นนี้

คุณสมบัติที่โดดเด่นบางประการของพอร์ทัลการศึกษา ได้แก่ การสัมมนาออนไลน์รายวันในหัวข้อที่เกี่ยวกับฟอเร็กซ์ที่จัดโดยเทรดเดอร์และผู้เชี่ยวชาญในตลาด หมวดหมู่แนวคิดการเทรดที่ให้การวิเคราะห์ทางเทคนิคและข้อมูลเชิงลึกในตลาดต่างๆ และพอดแคสต์ XM ที่ให้ข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับแนวโน้มตลาดทั่วโลกเป็นประจำ
การรีโควทหรือการปฏิเสธคำสั่ง

XM ได้ก่อตั้งแนวคิดเกี่ยวกับการรับประกันการปฏิเสธการรีโควทหรือการปฏิเสธคำสั่ง ซึ่งเป็นไปได้เนื่องจากโบรกเกอร์นี้ใช้การดำเนินการตามราคาตลาด (market execution) แทนการดำเนินการตามราคาทันที (instant execution) นั่นหมายความว่า โบรกเกอร์สัญญาว่าจะเสนอราคาตลาดที่ดีที่สุดถ้าหากเกิดความคลาดเคลื่อนของราคาในตลาด

XM เป็นโบรกเกอร์ที่ไม่มีการจัดการคำสั่ง (no dealing desk) แทนที่จะเป็นผู้สร้างตลาด (market maker) ซึ่งช่วยยกระดับความโปร่งใสได้ เนื่องจากผู้สร้างตลาดจะเป็นคู่สัญญาของคุณ ดังนั้นจึงไม่มีทางพวกเขาจะยอมเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

ผมอยากแนะนำ BlackBull Markets โบรกเกอร์ที่มีความเร็วในการดำเนินการสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งในการทดสอบของผม ซึ่งความเร็วในการดำเนินการนี้ช่วยลดความล่าช้าในการเทรด ลดค่าใช้จ่ายในการเทรด และปรับปรุงประสิทธิภาพการเทรด อีกทั้ง โบรกเกอร์นี้ยังมีแพลตฟอร์มการเทรดและเครื่องมือการ copy trade ที่หลากหลายให้เลือกใช้งานอีกด้วย

BlackBull Markets ถูกก่อตั้งในเมืองโอ๊คแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ มีความโดดเด่นด้วยการดำเนินการในความเร็วสูง และเร็วเป็นอันดับหนึ่งจากการทดสองของทีมงานของผม

โบรกเกอร์นี้ถูกกำกับควบคุมโดย FMA ของนิวซีแลนด์ และมีดูแลจากหน่วยงานในเซเชลส์สำหรับเทรดเดอร์ชาวไทย และที่สำคัญ BlackBull Markets มีแพลตฟอร์มการเทรดที่แข็งแกร่ง และเสนอรายการเทรดหุ้นมากกว่า 26,000 รายการ

การดำเนินการที่รวดเร็วที่สุด

BlackBull Markets มีความเร็วในการดำเนินการที่เร็วที่สุด เมื่อผมทดสอบความเร็วเทียบกับโบรกเกอร์ชั้นนำ 20 ราย บนแพลตฟอร์ม MT4 ผมสามารถบันทึกความเร็วในการดำเนินการได้ที่ 72 มิลลิวินาทีสำหรับคำสั่งแบบกำหนดราคา และ 90 มิลลิวินาทีสำหรับคำสั่งแบบราคาตลาด

ซึ่งทำให้ BlackBull Markets เป็นโบรกเกอร์เพียงรายเดียวที่บรรลุความเร็วในการดำเนินการต่ำกว่า 100 มิลลิวินาทีทั้งในคำสั่งแบบ limit และแบบราคา market ผมจึงจัดให้โบรกเกอร์นี้อยู่ในอันดับที่หนึ่งในด้านความเร็ว

ความหลากหลายของแพลตฟอร์มการเทรด

BlackBull Markets โดดเด่นด้วยความหลากหลายของแพลตฟอร์มการเทรด รวมถึง MT4, MT5, cTrader, TradingView และแอป social trade อีกหลายรายการ เช่น ZuluTrade

อย่างไรก็ตาม แพลตฟอร์มที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ BlackBull Markets คือสิ่งที่ทำให้เราประทับใจจริงๆ BlackBull Invest ที่อัพเดทใหม่ พร้อมด้วย BlackBull CopyTrader ที่ได้รับรางวัล ช่วยตอบสนองต่อการเทรดในรูปแบบต่างๆ ได้เป็นอย่างดี

แม้ว่า BlackBull CopyTrader จะมีความโดดเด่นในแง่การเชื่อมต่อเทรดเดอร์กับผู้จัดการกองทุนระดับแนวหน้า และเสนอฟีเจอร์การจัดการความเสี่ยงที่ล้ำสมัย แต่เรายังคงแนะนำให้ใช้หนึ่งในสี่แพลตฟอร์มภายนอกสำหรับการเทรดทั่วไป เว้นแต่คุณต้องการเทรดหุ้น ซึ่งคุณจะต้องใช้ BlackBull Invest เท่านั้น

การเข้าถึงตลาดที่หลากหลาย

BlackBull Markets มีตัวเลือกตลาดทางการเงินมากกว่า 26,000 ตลาด ครอบคลุมทั้ง ฟอเร็กซ์ หุ้น ดัชนี และสินค้าโภคภัณฑ์

และผมประทับใจกับการเทรดหุ้นที่ Blackbull Markets ผ่านแอป BlackBull Invest เป็นอย่างมาก เพราะแอพเทรดนี้อนุญาตให้ทำการเทรดหุ้นได้อย่างง่ายดาย