โบรกเกอร์ Tradingview

ผมอยากแนะนำ Pepperstone ในฐานะโบรกเกอร์ TradingView โดยรวมที่ดีที่สุดสำหรับเทรดเดอร์ชาวไทย ในการซื้อขายกับ Pepperstone คุณจะสามารถเทรดคู่ฟอเร็กซ์ได้ถึง 93 คู่, สกุลเงินดิจิทัล 26 รายการ, โลหะ 15 รายการ, ดัชนี 23 รายการ และ ETF มากกว่า 100 รายการ

อีกทั้งยังมีความเร็วในการดำเนินการที่รวดเร็ว ด้วยอัตราการส่งคำสั่งซื้อที่น่าประทับใจถึง 99.60% และเครื่องมือการซื้อขายที่หลากหลาย ควบคู่ไปกับการสนับสนุนลูกค้าที่ได้รับรางวัล และนี่คือเหตุผลที่ผมให้คะแนน Pepperstone สูงถึง 98/100

Pepperstone โบรกเกอร์จากออสเตรเลียที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2010 ได้รับการควบคุมใน 7 เขตอำนาจศาล รวมถึงการควบคุมดูแลโดย SCB ที่เป็นหน่วยงานสำหรับเทรดเดอร์ชาวไทย โดยให้บริการซื้อขายด้วยบัญชี 2 ประเภท ได้แก่ บัญชี Standard ที่ไม่มีค่าธรรมเนียม และบัญชี Razor ที่มีสเปรด 0 pip

ประสบการณ์การใช้งานที่ยอดเยี่ยมสำหรับ TradingView

TradingView เป็นหนึ่งในตัวเลือกแพลตฟอร์มชั้นนำของผม จากประโยชน์ของอินดิเคเตอร์ทางเทคนิคมากกว่า 100 ตัว รวมถึง Bollinger Bands และ MACD พร้อมด้วยเครื่องมือการวาดกราฟขั้นสูง เช่น Anchored Volume Profiles ในการทดสอบแพลตฟอร์มของผม ผมพบว่า TradingView ใช้งานง่ายและมีประสิทธิภาพสูงสำหรับการวิเคราะห์ตลาด สามารถใช้เครื่องมือวาดภาพบนแผนภูมิได้อย่างแม่นยำ การสลับข้อมูลระหว่างตลาดกว่า 1,200 แห่งของ Pepperstone ก็เป็นเรื่องง่าย โดยไม่จำเป็นต้องกำหนดค่าอินดิเคเตอร์หรือประเภทแผนภูมิใหม่

การดำเนินคำสั่งซื้อขายที่รวดเร็ว

สิ่งหนึ่งที่ผมสังเกตุได้คือ ความเร็วในการซื้อขายของ Pepperstone นั้นช่วยยกระดับประสบการณ์การซื้อขายบน TradingView ของผมได้เป็นอย่างมาก

เมื่อทีมของผมได้ทำการทดสอบความเร็วในการดำเนินการจากโบรกเกอร์ 20 อันดับแรก Pepperstone มีความเร็วในการดำเนินการที่เร็วที่สุดเป็นอันดับสามโดยรวม ด้วยความเร็วเฉลี่ย 77 มิลลิวินาทีสำหรับคำสั่งซื้อ limit และ 100 มิลลิวินาทีสำหรับคำสั่งซื้อ market โบรกเกอร์จึงช่วยลดเวลาแฝงในการซื้อขายของผมลงอย่างมาก (เวลาระหว่างการวางคำสั่งซื้อและการดำเนินการ)

ตารางความเร็วในการดำเนินการ

สเปรด 0 pip ในตลอดเวลาการซื้อขาย

เพื่อเปิดบัญชีเทรดกับ TradingView ผมต้องใช้บัญชี Razor ของ Pepperstone และเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์ม โดยบัญชี Razor มีสเปรดโดยเฉลี่ย สำหรับคู่ EUR/USD อยู่ที่ 0.19 pips ต่ำกว่าบัญชี Standard ซึ่งที่อยู่ 0.26 pips

นอกจากนี้ Pepperstone ยังสามารถเสนอสเปรด 0 pip สำหรับคู่เงินหลักทั้ง 6 คู่ (AUD/USD, EUR/USD, GBP/USD, USD/CAD, USD/CHF และ USD/JPY) ได้ตลอดเวลา 100% ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเทรดอย่างมีประสิทธิภาพ โดยค่าธรรมเนียมเดียวที่คุณต้องจ่ายคือคอมมิชชันคงที่ $3.50 ต่อล็อต ทำให้เทรดเดอร์ไทยได้รับโครงสร้างค่าธรรมเนียมที่โปร่งใสและไม่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของตลาด

IC Markets เป็นโบรกเกอร์ที่มีสเปรดต่ำที่สุดในการซื้อขายด้วย TradingView แม้จะมีตัวเลือกแพลตฟอร์มการซื้อขายที่มีความหลากหลาย เช่น MT4, MT5 และ cTrader และเครื่องมือคัดลอกการเทรดที่ยอดเยี่ยม เช่น ZuluTrade, Myfxbook และ cTrader Copy ก็ตาม

สเปรดต่ำที่สุดจากการทดสอบ

การวิเคราะห์ของทีมงานของผมแสดงให้เห็นว่า IC Markets เสนอสเปรดที่ต่ำที่สุดสำหรับเทรดเดอร์ชาวไทยในบัญชี CFD ทั้งสองประเภท โดยบัญชี Standard ที่ไม่มีคอมมิชชันมีสเปรดเฉลี่ยที่ 0.73 พิป สำหรับคู่เงินหลัก เช่น EUR/USD ซึ่งทำให้พวกเขาเป็นตัวเลือกที่แข่งขันได้มากที่สุดในบรรดาโบรกเกอร์ทั้ง 20 แห่งในรายการของเรา

เมื่อเราดูสเปรดเฉลี่ยสำหรับคู่เงินหลักต่างๆ (AUD/USD, EUR/USD, GBP/USD, USD/CAD, USD/CHF) จะพบว่า IC Markets มีสเปรดเฉลี่ยที่ 1.03 พิป ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 1.48 พิป อย่างมาก

โมดูลสเปรดของบัญชี Standardโ

เพื่อค่าธรรมเนียมที่ต่ำยิ่งขึ้น บัญชี RAW ของ IC Markets มีสเปรดเฉลี่ยที่ 0.32 พิป สำหรับคู่เงินหลักที่เกี่ยวข้องกับ USD ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอุตสาหกรรมที่ 0.42 พิป นี่ทำให้ IC Markets ติดอันดับที่ 3 ในการเปรียบเทียบบัญชี RAW/ECN ของเรา รองจาก Fusion Markets (0.22 พิป) และ City Index (0.25 พิป)

เมื่อทำการตรวจสอบเพิ่มเติม ผมพบว่าสเปรดต่ำเหล่านี้เกิดจากการที่ IC Markets ใช้ผู้ให้บริการสภาพคล่องมากกว่า 25 ราย ซึ่งหมายความว่า พวกเขามีสภาพคล่องที่เพิ่มขึ้น และช่วยให้ค่าธรรมเนียมในการเทรดต่ำลง

ค่าคอมมิชชันต่ำกับ cTrader

IC Markets มีโครงสร้างค่าคอมมิชชันที่แตกต่างกันตามแพลตฟอร์มที่คุณใช้ หากคุณต้องการค่าคอมมิชชันที่ต่ำที่สุด คุณจะต้องใช้ TradingView (หรือ cTrader)

สำหรับบัญชีที่มีค่าคอมมิชชัน ค่าธรรมเนียมคือ $3.00 ต่อล็อต ต่อฝั่งบน TradingView ขณะที่บนแพลตฟอร์ม MetaTrader ทั้งสอง (MT4 และ MT5) ค่าธรรมเนียมคือ $4.50 ต่อล็อต ต่อฝั่ง จากประสบการณ์ของผม การมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม $1 ต่อการเทรด round turn (การเปิดและปิดคำสั่ง) ช่วยลดต้นทุนการเทรดโดยรวมได้อย่างมาก

ผมเลือก FP Markets ให้เป็นโบรกเกอร์ที่มีต้นทุนต่ำที่สุดสำหรับ TradingView เนื่องจาก ความเร็วในการดำเนินการตลาดที่รวดเร็ว, สเปรดที่แข่งขันได้ และค่าคอมมิชชันต่ำ ปัจจัยเหล่านี้ช่วยลดต้นทุนการเทรดโดยรวมเมื่อใช้แพลตฟอร์ม TradingView ที่มีคุณภาพสูง

FP Markets ก่อตั้งขึ้นในปี 2005 พวกเขาเป็นโบรกเกอร์ที่มีชื่อเสียงและได้รับการควบคุมโดยหน่วยงานระดับชั้นนำ เช่น ASIC, CySEC, และ FSA ของเซเชลส์ สำหรับเทรดเดอร์ชาวไทย นอกจากต้นทุนการซื้อขายที่ต่ำแล้ว โบรกเกอร์นี้ยังเสนอเครื่องมือการซื้อขายที่ทันสมัย เช่น Traders Toolbox ซึ่งช่วยเสริมประสิทธิภาพของแพลตฟอร์ม MT4 อีกด้วย

นอกจาก TradingView แล้ว FP Markets ยังมีแพลตฟอร์มการซื้อขายอื่นๆ ได้แก่ MT4, MT5 และ cTrader พร้อมทั้งสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงินกว่า 850 รายการ

ต้นทุนการเทรดที่ต่ำ (สเปรด + ค่าคอมมิชชัน)

สำหรับเทรดเดอร์ชาวไทย FP Markets เสนอ ต้นทุนการซื้อขายที่ต่ำ เนื่องจากมีสเปรดที่แข่งขันได้และค่าคอมมิชชันที่ต่ำ เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอุตสาหกรรม

คุณสามารถเลือกเปิดบัญชี Standard หรือ Raw ได้ โดยบัญชี Raw มีค่าคอมมิชชันที่แข่งขันได้ที่ $3 USD ต่อล็อตต่อฝั่ง ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอุตสาหกรรมที่ $3.50 USD ทั้งสองบัญชียังมีสเปรดที่แข่งขันได้ เนื่องจากการตั้งราคาในลักษณะ ECN

จากการทดสอบบัญชี Raw ของ FP Markets ผมพบว่า สเปรดเฉลี่ยสำหรับ EUR/USD อยู่ที่ 0.20 pips ระหว่างเซสชั่น London และ New York ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ทดสอบไว้ถึง 0.26 pips ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนการเทรดโดยรวมต่ำลง

เครื่องมือการเทรดขั้นสูง

FP Markets ทำให้ผมประทับใจด้วย แพลตฟอร์มการเทรดที่หลากหลาย รวมถึง MT4, MT5, TradingView, และ cTrader นอกจากนี้ FP Markets ยังเสนอเครื่องมือการซื้อขายขั้นสูง เช่น AutoChartist และ Trading Central ซึ่งช่วยในการวิเคราะห์ตลาดและเพิ่มประสิทธิภาพการสร้างกราฟขณะเทรด

โดยเฉพาะ AutoChartist ซึ่งทำให้ผมสามารถระบุรูปแบบการวิเคราะห์ทางเทคนิคได้แบบเรียลไทม์ ผมจึงอยากแนะนำเครื่องมือนี้สำหรับเทรดเดอร์ระยะสั้นเป็นอย่างยิ่ง

ผมแนะนำ BlackBull Markets เพราะมีความเร็วในการดำเนินการที่เร็วที่สุดที่ผมได้ทดสอบมา ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือในการใช้งานแพลตฟอร์ม TradingView ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้คุณยังสามารถใช้ TradingView Pro ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย หากคุณทำการซื้อขายอย่างน้อยหนึ่งล็อตต่อเดือน

BlackBull Markets ก่อตั้งขึ้นที่ ออคแลนด์, นิวซีแลนด์ และมี ความเร็วในการดำเนินการที่เร็วที่สุด ที่เราได้ทดสอบ โบรกเกอร์นี้ได้รับการควบคุมจาก FMA ของนิวซีแลนด์ แต่สำหรับเทรดเดอร์ชาวไทย จะได้รับการลงทะเบียนภายใต้ กฎระเบียบของเซเชลส์

นอกจากนี้ BlackBull Markets ยังมีแพลตฟอร์มการซื้อขายที่หลากหลาย รวมถึงแพลตฟอร์มของตัวเอง BlackBull Invest และ BlackBull CopyTrader พร้อมทั้งสามารถเทรด หุ้นจริงกว่า 26,000 ตัว ซึ่งเป็นจำนวนที่มากมายและหลากหลาย

ความเร็วในการดำเนินการที่เร็วที่สุด

จากการทดสอบของเรา BlackBull Markets มี ความเร็วในการดำเนินการที่เร็วที่สุด สำหรับเทรดเดอร์ชาวไทยในบรรดา 20 โบรกเกอร์ชั้นนำ โดยมี ความเร็วในการดำเนินการที่ 72 มิลลิวินาที สำหรับคำสั่ง Limit และ 90 มิลลิวินาที สำหรับคำสั่ง Market

การแสดงผลที่น่าประทับใจนี้ทำให้ BlackBull Markets เป็นโบรกเกอร์เดียวในผลทดสอบของเราที่สามารถทำความเร็วการดำเนินการต่ำกว่า 100 มิลลิวินาที สำหรับทั้งคำสั่ง Limit และ Market ซึ่งช่วยยืนยันสถานะของมันเป็น โบรกเกอร์ที่ดีที่สุด ของเรา

การมีความเร็วในการดำเนินการที่เร็ว ช่วยปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน TradingView ของผมกับ BlackBull Markets โดยการผสมผสานการดำเนินการที่รวดเร็วและมีต้นทุนต่ำ พร้อมการเข้าถึงเครื่องมือกราฟที่ทรงพลัง

โมดูลความเร็วในการดำเนินการ

ความหลากหลายของแพลตฟอร์มการเทรด

นอกจาก TradingView แล้ว, ผมยังประทับใจกับความหลากหลายของ แพลตฟอร์มซื้อขาย ที่ BlackBull Markets นำเสนอ ซึ่งรวมถึงทุกแพลตฟอร์มยอดนิยมจากภายนอกที่มีในตลาด เช่น MT4, MT5, cTrader, TradingView และตัวเลือกการเทรดทางสังคมและการคัดลอกการเทรด เช่น Myfxbook, ZuluTrade รวมถึงแพลตฟอร์มที่พัฒนาเองของโบรกเกอร์

สิ่งที่โดดเด่นที่สุดสำหรับผมคงเป็นแพลตฟอร์มที่พัฒนาเองของ BlackBull Markets โดยเฉพาะ BlackBull Invest รุ่นใหม่และ BlackBull CopyTrader ที่ได้รับรางวัล ซึ่งทั้งสองแพลตฟอร์มนี้รองรับสไตล์การซื้อขายที่หลากหลาย

BlackBull CopyTrader มีฟีเจอร์ที่ไม่เหมือนใคร โดยการเชื่อมต่อเทรดเดอร์กับ ผู้จัดการกองทุนชั้นนำ และเสนอเครื่องมือการจัดการความเสี่ยงขั้นสูง อย่างไรก็ตาม ในการซื้อขายทั่วไป ผมแนะนำให้ใช้หนึ่งใน สี่แพลตฟอร์มภายนอก เว้นแต่คุณจะสนใจการเทรดหุ้น ซึ่งในกรณีนี้ BlackBull Invest เป็นแพลตฟอร์มที่จำเป็น

การเข้าถึง 26,000 ตลาด

BlackBull Markets เสนอ ตลาดทางการเงินกว่า 26,000 ตลาด รวมถึง Forex, หุ้น, ดัชนี, และสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งถือเป็นความหลากหลายที่มากที่สุดที่ผมเคยเห็นสำหรับเทรดเดอร์ชาวไทย

สิ่งที่ทำให้ผมประทับใจเป็นพิเศษคือการที่โบรกเกอร์นี้สามารถเทรด หุ้นจริง ผ่านแอปการเทรดหุ้นเฉพาะของตัวเอง BlackBull Invest ความสามารถในการเทรดสินทรัพย์จริงควบคู่ไปกับ CFD ช่วยเพิ่มความหลากหลายให้กับพอร์ตโฟลิโอของผม และยังเปิดโอกาสให้สามารถใช้กลยุทธ์การเทรดที่หลากหลายตามประเภทของสินทรัพย์ที่ผมเทรด

ผมชื่นชอบตัวเลือกการซื้อขายทองและโลหะมีค่าบนแพลตฟอร์ม TradingView ของ Oanda เนื่องจากโบรกเกอร์เสนอการเทรดที่ทันสมัยและน่าเชื่อถือ โดย OANDA ได้รับการโหวตเป็น “โบรกเกอร์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด” จาก TradingView ติดต่อกัน 3 ปี (2020–2022) และยังนำเสนอบัญชีการเทรดอีกหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นบัญชี standard สำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ หรือบัญชี professional สำหรับเซียนนักลงทุนที่ต้องการเครื่องมือและต้นทุนที่คุ้มค่า

OANDA เป็นโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือมาอย่างยาวนาน ก่อตั้งครั้งแรกในปี 1996 และได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานชั้นนำระดับโลก เช่น FCA, ASIC และ MFSA

นอกจากจะรองรับสินทรัพย์หลายประเภท ตั้งแต่ Forex, ทองคำ, โลหะมีค่า, น้ำมัน, ดัชนี ไปจนถึงสกุลเงินดิจิทัล โบรกเกอร์ OANDA ยังรองรับแพลตฟอร์มการเทรดที่น่าสนใจอย่าง MetaTrader 4, TradingView, Oanda web และ Oanda Mobile ซึ่งเหมาะทั้งกับการเทรดทองคำและสินทรัพย์อื่นๆ และสิ่งที่ผมสังเกตุเห็นคือ ระบบส่วนใหญ่ของโบรกเกอร์จะเป็นภาษาอังกฤษ แต่ผมสามารถติดต่อสอบถามในภาษาไทยได้ด้วย

บัญชีการเทรดกับสเปรดที่คุ้มค่า

สำหรับเทรดเดอร์ชาวไทย OANDA มีบัญชีให้เลือก 3 ประเภท โดยส่วนตัวแล้ว ผมมองว่าบัญชี Standard เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น เพราะไม่มีค่าคอมมิชชัน (คิดค่าธรรมเนียมจากสเปรดเท่านั้น) ซึ่งสปรดสำหรับคู่ EUR/USD ในบัญชีประเภทนี้มีค่าเฉลี่ยเพียง 1.06 pips ซึ่งต่ำกว่าอุตสาหกรรมเล็กน้อย และทำให้คำนวณต้นทุนการเทรดง่ายขึ้น

แต่หากคุณมีเงินทุนที่มากกว่า (ยอดฝากขั้ยต่ำ $10,000) การเลือกใช้บัญชี Premium จะทำให้คุณได้รับสเปรดที่ต่ำกว่า (เริ่มที่ 0.70 pips) และได้คืนเงินตามปริมาณการเทรดอีกด้วย

และหากคุณเป็นเทรดเดอร์ที่มีปริมาณการซื้อขายสูง ผมว่าบัญชี Premium Plus น่าจะเหมาะกับคุณ โดยข้อกำหนดในการใช้งานคือ คุณต้องมีปริมาณการซื้อขายมากกว่า 500 ล็อตต่อเดือน แต่สิ่งที่คุณจะได้คือ สเปรดต่ำเริ่มที่ 0.10 pips และเงินคืนสูงถึง $0.60 ต่อเทรด

เทรดทองคำด้วย Tradingview

จากประสบการณ์การเทรดทองคำด้วย TradingView บน OANDA ผมพบฟีเจอร์ที่น่าประทับใจหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น อินดิเคเตอร์สำเร็จรูปมากกว่า 100 ตัวที่รองรับกลยุทธ์การเทรดหลากหลาย ผมสามารถตั้งค่าจุดเข้าออก รวมถึง Stop loss และ Take profit ได้อย่างยืดหยุ่น แถมแพลตฟอร์มการเทรดก็ยังรองรับกราฟถึง 12 แบบ พร้อมเครื่องมือวาดภาพกว่า 50 แบบ

และยังสามารถเปิดใช้งานกราฟพร้อมกันได้สูงสุดถึง 8 หน้าในเลย์เอาต์เดียว อีกทั้งรองรับ Timeframe ที่หลากหลาย พร้อมให้ผู้ใช้ปรับแต่งการแสดงผลได้ตามความต้องการ ทำให้การวิเคราะห์และเทรดทองคำมีประสิทธิภาพและง่ายขึ้นอีกด้วย

FXCM เป็นโบรกเกอร์ forex ที่น่าสนใจสำหรับผม เพราะที่นี่ให้ข้อเสนอการซื้อขายที่ไม่มีค่าธรรมเนียม (จ่ายเฉพาะสเปรด) โดยคู่การซื้อขายยอดนิยมอย่าง EUR/USD มีสเปรดอยู่ที่ 1.3 pips ทั้งยังมีสเปรดที่ค่อนข้างเสถียรหากเปรียบเทียบกับโบรกเกอร์ชั้นยอดรายอื่นๆ

นอกจากนี้ FXCM ยังรองรับแพลตฟอร์มการซื้อขายชั้นนำหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็น FXCM Trading Station, Browser-Based FXCM Trading, MetaTrader 4 หรือ TradingView Pro

FXCM เป็นโบรกเกอร์ระดับโลกที่ก่อตั้งในปี 1999 มีสำนักงานใหญ่ในลอนดอน และได้รับการกำกับดูแลจากหลายหน่วยงาน Teir 1 และ 2 อย่าง FCA (สหราชอาณาจักร), ASIC (ออสเตรเลีย) และ FSCA (แอฟริกาใต้) นอกจากนี้โบรกเกอร์ยังรองรับการเชื่อมต่อทั้งกับ TradingView โดยตรง ซึ่งเป็นจุดเด่นที่โดดเด่นและหาได้ยากในโบรกเกอร์ทั่วไป

FXCM รองรับตลาดการซื้อขายหลากหลายประเภท ซึ่งรวมถึง Forex, ทองคำ, ดัชนี, น้ำมัน, หุ้น CFD และคริปโตบางตัว สิ่งที่ผมประทับใจเป็นพิเศษคือ ระบบคืนเงิน (rebate) และโปรแกรมอัปเกรด TradingView ฟรี เมื่อคุณเทรดครบตามปริมาณขั้นต่ำ 5–15 ล็อตต่อเดือน

FXCM เทรดแบบไม่มีค่าธรรมเนียมเพิ่มติม

ตามที่เว็บไซต์ FXCM ระบุ พวกเขาเป็นโบรกเกอร์ที่ให้คุณเทรดได้แบบไม่มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม นั่นก็เพราะ FXCM รวมค่าธรรมเนียมทั้งหมดไว้ในสเปรดแล้ว ทำให้สปรดที่ได้อาจไม่ต่ำสุดในตลาด แต่นั่นก็ทำให้การคำนวณต้นทุนในการเทรดง่ายและโปร่งใส เหมาะสำหรับทั้งมือใหม่และผู้ที่ต้องการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในการเทรดทองคำหรือคู่เงินหลักผ่านแพลตฟอร์มอย่าง TradingView และ MT4 ที่รองรับโดย FXCM

Tradingview Pro ของ FXCM

FXCM มอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าที่ต้องการใช้ TradingView แบบเสียเงิน (Pro) ได้ฟรี ในกรณีที่คุณเทรดครบตามปริมาณที่กำหนดในแต่ละเดือน เช่น เทรดครบ 5 ล็อตจะได้รับแผน Essential ฟรี, 10 ล็อตจะได้รับแผน Plus และหากเทรดถึง 15 ล็อตต่อเดือน จะได้รับแผน Premium ซึ่งการขอใช้งานและรายละเอียดเพิ่มเติม คุณจำเป็นต้องติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าของโบรกเกอร์โดยตรง

จุดเด่นของ TradingView Pro ที่ผมชื่นชอบ

• อินดิเคเตอร์มากกว่า 100 แบบ ทั้งแบบพร้อมใช้งานและกำหนดค่าเอง
• ใช้งานกราฟพร้อมกันได้หลายหน้าจอ (Pro แสดงกราฟพร้อมกันได้ 2 จอขึ้นไป)
• ตั้งแจ้งเตือนราคา/กลยุทธ์ได้หลายรายการพร้อมกัน