คู่มือการเทรด Forex ประเทศไทย

Updated:

What Changed?

ทุกเดือน เราจะอัปเดตข้อมูลค่าเฉลี่ยของสเปรดที่โบรกเกอร์เผยแพร่ ซึ่งจะแสดงให้เห็นว่าโบรกเกอร์รายย่อยมีอัตราการขาดทุนกี่เปอร์เซ็นต์

ตรวจสอบแล้ว

Forex หรือตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เป็นหนึ่งในตลาดเงินที่ใหญ่ที่สุดในระดับโลก มีมูลค่า 2.73 ล้านล้านดอลลาร์ มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันมากกว่า 7.5 ล้านล้านดอลลาร์ บทความนี้จะช่วยให้เทรดเดอร์มือใหม่เข้าใจการเทรด Forex การทำงานของฟอเร็กซ์ ประโยชน์และความเสี่ยงของจากการลงทุน

CONTENTS

การเทรด Forex คืออะไร

หากคุณกำลังสงสัยว่า Forex คืออะไร ผมขออธิบายว่า Forex หรือการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ คือ การแลกเปลี่ยนสกุลเงินหนึ่งไปยังอีกสกุลเงินหนึ่ง เกี่ยวข้องกับการซื้อสกุลเงินหนึ่งและขายอีกสกุลเงินหนึ่งไปพร้อมๆ กัน เพื่อการทำกำไรจากส่วนต่างของอัตราแลกเปลี่ยน

การเทรด Forex เกี่ยวข้องกับการซื้อและขายสกุลเงินตามอัตราแลกเปลี่ยน โดยอัตราแลกเปลี่ยนแสดงถึงมูลค่าของสกุลเงินหนึ่งเทียบกับอีกสกุลเงินหนึ่ง และหากคุณเคยเดินทางไปต่างประเทศและแลกแปลงเงินไทยเป็นสกุลเงินต่างประเทศ ก็แสดงว่าคุณได้ทำธุรกรรม Forex แล้ว

ตัวอย่างเช่น อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างบาทไทย (THB) และดอลลาร์สหรัฐ (USD) อาจเป็น 0.030 ซึ่งหมายความว่า หนึ่งบาทไทยสามารถแลกได้ 0.030 ดอลลาร์สหรัฐ (หรือ 0.30 เซนต์)

โดยปกติแล้วการเทรดฟอเร็กซ์จะต้องทำผ่านโบรกเกอร์หรือผู้ดูแลสภาพคล่อง ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย เทรดเดอร์สามารถซื้อหรือขายสกุลเงินได้ตามการคาดการณ์ความเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนในอนาคต พวกเขาสามารถเปิดสถานะ long (ซื้อ) หากคาดว่าสกุลเงินจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น หรือเปิดสถานะ short (ขาย) หากคาดว่าสกุลเงินจะมีมูลค่าลดลง

การเทรด forex คืออะไร

คู่สกุลเงิน คืออะไร

คู่สกุลเงิน คือ การรวมกันของสองสกุลเงินที่แตกต่างกันซึ่งมีการซื้อขายกัน สกุลเงินแรกในคู่การซื้อขายคือสกุลเงินหลัก และสกุลเงินที่สองคือสกุลเงินอ้างอิงหรือสกุลเงินรอง เมื่อคุณแลกเปลี่ยนคู่สกุลเงิน คุณจะต้องซื้อสกุลเงินหนึ่งและขายอีกสกุลเงินหนึ่งพร้อมกัน

  • คู่สกุลเงินหลัก – คู่สกุลเงินหลักเป็นคู่สกุลเงินหลักที่มีสภาพคล่องมากที่สุด และมีการซื้อขายกันอย่างแพร่หลายในตลาด Forex โดยคู่สกุลเงินหลัก 7 คู่ในตลาด Forex ได้แก่ AUD (ดอลลาร์ออสเตรเลีย)/USD, EUR/USD (ยูโรเป็น USD), GBP/USD (ปอนด์อังกฤษเป็น USD), USD/JPY (USD เป็นเยนญี่ปุ่น) และ USD/CHF (ฟรังก์สวิส)
  • คู่สกุลเงินรอง – คู่สกุลเงินรองจะไม่เกี่ยวข้องกับดอลลาร์สหรัฐ แต่จะประกอบด้วยสกุลเงินหลักสองสกุลที่ไม่ใช่ดอลลาร์สหรัฐ (เช่น AUD/EUR, EUR/GBP และ EUR/JPY) คู่สกุลเงินรองจะมีสภาพคล่องน้อยกว่า และโดยทั่วไปจะมีสเปรดที่กว้างกว่าเมื่อเทียบกับคู่สกุลเงินหลัก ซึ่งอาจส่งผลให้ต้นทุนการทำธุรกรรมสูงขึ้น
  • คู่สกุลเงินแปลกใหม่ – คู่สกุลเงินแปลกใหม่ คือ คู่สกุลเงินที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินหลักหนึ่งสกุลและอีกหนึ่งสกุลเงินจากประเทศเกิดใหม่หรือประเทศที่กำลังพัฒนา (เช่น USD/THB – ดอลลาร์สหรัฐเป็นเงินบาทไทย) โดยทั่วไปคู่สกุลเงินแปลกใหม่จะมีสภาพคล่องต่ำ สเปรดกว้างกว่า และมีความผันผวนสูงกว่า ทำให้มีความเสี่ยงในการซื้อขายมากกว่าคู่สกุลเงินหลักและคู่สกุลเงินรอง

คู่สกุลเงิน

ตลาด Forex คืออะไร

ตลาด Forex เป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่า 2.73 ล้านล้านดอลลาร์ทั่วโลก ในประเทศไทย ตลาด Forex มีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 7.5 พันล้านดอลลาร์ (Convert) ณ เดือนเมษายน 2022

ตลาด Forex เกี่ยวข้องกับการเทรดสกุลเงินเป็นคู่ โดยที่สกุลเงินหนึ่งจะถูกแลกเปลี่ยนเป็นอีกสกุลเงินหนึ่ง ผ่านเคาน์เตอร์ (OTC) ทำให้ฟอเร็กซ์เป็นตลาดแบบการกระจายอำนาจ ซึ่งหมายความว่า ไม่มีที่ตั้งทางกายภาพหรือการแลกเปลี่ยนแบบศูนย์กลาง แต่จะดำเนินการทางอิเล็กทรอนิกส์ตลอด 24 ชั่วโมง ห้าวันต่อสัปดาห์ ข้ามเขตเวลาที่แตกต่างกัน ทำให้เทรดเดอร์สามารถมีส่วนร่วมได้จากที่ไหนก็ได้ในโลก และนอกจากนี้ การเทรดทอง Forex ก็ยังถือเป็นการทำธุรกรรม Forex อีกด้วย

ตลาด Forex ในยุคใหม่ที่เรารู้จักในปัจจุบันเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นในช่วงทศวรรษ 1970 ด้วยการถือกำเนิดของการเทรดแบบอิเล็กทรอนิกส์และการขจัดอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ และการเทรด การเทรดฟอเร็กซ์  ได้รับความนิยมในประเทศไทยในช่วงปลายทศวรรษ 2000 และต้นปี 2010

มีหลายปัจจัยที่ส่งผลให้ forex ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น รวมถึงการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้น ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และการเกิดขึ้นของโบรกเกอร์ออนไลน์ เป็นต้น

ตลาด Forex ทำงานอย่างไร

ตลาด Forex ประกอบด้วยผู้เข้าร่วมที่หลากหลาย รวมถึงธนาคาร สถาบันการเงิน รัฐบาล บริษัท ผู้ค้ารายย่อย และนักเก็งกำไร ธนาคารและสถาบันการเงินจะมอบสภาพคล่อง โดยการเสนอราคาตามราคาที่พวกเขายินดีจะซื้อและขายสกุลเงิน นอกจากนี้รัฐบาลยังมีส่วนร่วมในตลาด Forex ในแง่ของจัดการทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ ซึ่งเป็นไปเพื่อรักษาเสถียรภาพของสกุลเงินในประเทศของตน

เทรดเดอร์รายบุคคล รวมถึงเทรดเดอร์รายย่อยและนักเก็งกำไร ก็มีส่วนร่วมในตลาด Forex ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์หรือแอพเทรด Forex ที่นำเสนอโดยโบรกเกอร์ Forex ซึ่งเทรดเดอร์รายย่อยเทรดในปริมาณที่น้อยกว่าเมื่อเทียบกับเทรดเดอร์ที่เป็นสถาบัน (หรือธนาคาร) และโดยทั่วไปจะมีส่วนร่วมในการเทรดแบบเก็งกำไรเพื่อหากำไรจากการเปลี่ยนแปลงของราคาสกุลเงิน ทั้งนี้ การซื้อขายฟอเร็กซ์ในไทยจัดเป็นรายได้ประเภทหนึ่ง คุณจึงต้องทำการรายงานและเสียภาษี forex ให้ถูกต้อง

การซื้อขายฟอเร็กซ์ทำงานอย่างไร?

สิ่งใดขับเคลื่อนตลาด Forex

มีปัจจัยหลายประการที่มีอิทธิพลต่อตลาด Forex ได้แก่ ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ เหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ นโยบายของธนาคารกลาง ความเชื่อมั่นของตลาด และแนวโน้มเศรษฐกิจโลก

ตัวอย่างที่เกี่ยวข้องในประเทศไทย คือ การประกาศอัตราดอกเบี้ยโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ทุกสองเดือน ซึ่งบางครั้งการตัดสินใจหรือเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่ไม่คาดคิดอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อตลาด Forex ได้เช่นกัน

ในฐานะเทรดเดอร์ชาวไทย สิ่งสำคัญคือต้องติดตามปัจจัยเหล่านี้อย่างใกล้ชิด และใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคและเครื่องมือวิเคราะห์พื้นฐานต่างๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจเทรดของคุณ

ช่วงเวลาเทรด Forex

สำหรับเวลาตลาด Forex นั้นเปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง แต่แบ่งออกเป็นสี่ช่วงหลักตามศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญทั่วโลก

ช่วงเวลาเหล่านี้คือ

  1. นิวยอร์ก (สหรัฐอเมริกา EST)
  2. ลอนดอน (สหราชอาณาจักร, GMT)
  3. โตเกียว (ญี่ปุ่น JST)
  4. ซิดนีย์ (ออสเตรเลีย, AEST)
ชื่อช่วงเวลาและตำแหน่งเวลาเปิด(ท้องถิ่น / UTC)เวลาปิด(ท้องถิ่น / UTC)
ช่วงเวลาซิดนีย์ – ออสเตรเลีย (AEST)08:00 AEST / 22:00 UTC16:00 AEST / 06:00 UTC
ช่วงเวลาโตเกียว – ญี่ปุ่น(JST)09:00 JST / 00:00 UTC18:00 JST / 09:00 UTC
ช่วงเวลาลอนดอน – สหราชอาณาจักร (GMT)08:00 GMT / 08:00 UTC16:00 GMT / 16:00 UTC
ช่วงเวลานิวยอร์ก – US (EST)08:00 EST / 13:00 UTC17:00 EST / 22:00 UTC

ช่วงเวลาเหล่านี้มีความสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ Forex เนื่องจากเป็นช่วงที่กิจกรรมในตลาดและสภาพคล่องสูงที่สุด ซึ่งช่วยให้มีโอกาสในการเทรดที่ดีขึ้น

เวลาทำการของเซสซันการซื้อขายฟอเร็กซ์หลัก

ศัพท์การเทรด Forex

มีคำศัพท์มากมายที่เกี่ยวข้องกับการเทรด การเทรดฟอเร็กซ์ ดูคำอธิบายเพิ่มเติมสำหรับเทรดเดอร์ FX ชาวไทยมือใหม่

  • Pip – pip หรือ “เปอร์เซ็นต์ต่อจุด” คือ การเคลื่อนไหวของราคาที่น้อยที่สุดในตลาด Forex โดยทั่วไปจะใช้เพื่อวัดการเปลี่ยนแปลงมูลค่าของคู่สกุลเงิน สำหรับคู่ FX ส่วนใหญ่ pip จะเท่ากับ 0.0001 หรือหนึ่งในร้อยของเปอร์เซ็นต์
  • สเปรด – สเปรด คือ ความแตกต่างระหว่างราคาเสนอซื้อและราคาเสนอขาย และวัดเป็น pip มันส่งผลกระทบต่อต้นทุนการซื้อขายและอาจส่งผลกระทบต่ออัตรากำไร โดยทั่วไปสเปรดที่ต่ำกว่าจะส่งผลให้การซื้อขายมีความคุ้มค่ามากขึ้นและอัตรากำไรที่สูงขึ้น
  • ล็อตขนาดล็อต หมายถึง ปริมาณการเทรดในการเทรด FX ขนาดล็อตกำหนดจำนวนสกุลเงินที่จะซื้อหรือขายในการเทรด ขนาดล็อตมาตรฐานคือ 100,000 หน่วยของสกุลเงินหลัก ในขณะที่ขนาดมินิล็อตคือ 10,000 หน่วย และขนาดไมโครล็อตคือ 1,000 หน่วย
  • เลเวอเรจ – เลเวอเรจ คือ ตัวช่วยในการควบคุมตำแหน่งที่ใหญ่ขึ้นในตลาดด้วยเงินทุนจำนวนน้อยกว่า ที่แม้จะช่วยให้เทรดเดอร์ขยายผลกำไร แต่ก็สามารถเพิ่มความเสี่ยงในการขาดทุนได้อีกด้วย เลเวอเรจจะแสดงเป็นอัตราส่วน เช่น 1:100 ซึ่งหมายความว่าทุกๆ 1 ล็อต (เช่น 100,000 หน่วย) ที่คุณซื้อขาย คุณจะซื้อขายได้จริง 100 เท่าของจำนวนนั้น (เช่น 10,000,000)
  • มาร์จิ้น – หากคุณกำลังสงสัยว่า มาร์จิ้นใน forex คืออะไร มาร์จิ้น คือ จำนวนเงินที่ต้องใช้ในการเปิดการเทรดในตลาด Forex และเกี่ยวข้องกับเลเวอเรจที่โบรกเกอร์มอบให้ มาร์จิ้นช่วยให้เทรดเดอร์สามารถควบคุมสถานะที่ใหญ่ขึ้นด้วยเงินทุนจำนวนน้อยลง โดยทั่วไป มาร์จิ้นจะแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์ของขนาดการซื้อขาย เช่น มาร์จิ้น 10% หมายความว่าคุณจะต้องฝากเงิน 10% ของขนาดการซื้อขายทั้งหมด เพื่อให้สามารถใช้ขนาดการซื้อขาย $100,000 คุณจะต้องฝากเงินเพียง $10,000
  • สวอป – การสวอปสกุลเงินเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ธุรกิจ ธนาคาร และรัฐบาลใช้เพื่อแลกเปลี่ยนสกุลเงินหนึ่งเป็นอีกสกุลเงินหนึ่ง โดยทั่วไปจะถูกกำหนดในช่วงระยะเวลาหนึ่ง

ตลาด FX ต่างๆ

ยังมีตราสารอีกหลายประเภทที่คุณสามารเทรดได้ในตลาด FX เช่น

  • สปอต – การเทรดแบบสปอตเป็นรูปแบบการเทรดคู่สกุลเงินที่พบได้บ่อยที่สุด โดยที่เทรดเดอร์ซื้อหรือขายคู่สกุลเงิน ณ ราคาตลาดปัจจุบัน เพื่อทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน
  • ฟิวเจอร์ – FX Futures คือข้อตกลงในการซื้อหรือขายคู่สกุลเงินตามจำนวนที่ระบุในราคาและวันที่ที่กำหนดไว้ล่วงหน้าในอนาคต เป็นสัญญามาตรฐานที่มีการเทรดบนโบรกเกอร์ที่มีการควบคุม โดยสัญญาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ Chicago Mercantile Exchange (CME)
  • สัญญาซื้อขายล่วงหน้า – สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยให้ฝ่ายต่างๆ สามารถล็อกอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับวันที่ในอนาคตได้ ช่วยลดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวน และมักใช้เพื่อจัดการความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
  • ออปชัน – ออปชันสกุลเงิน (หรือ FX) เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ซับซ้อนซึ่งให้สิทธิ์แก่ผู้ถือครอง แต่ไม่ใช่ภาระผูกพัน เพื่อการซื้อหรือขายสกุลเงินหนึ่งกับอีกสกุลเงินหนึ่งด้วยอัตราแลกเปลี่ยนที่กำหนดไว้ล่วงหน้าในหรือก่อนวันที่ระบุ ออปชันของ FX มีหลายประเภท รวมถึงออปชัน call และ put เช่นเดียวกับออปชันสไตล์ยุโรปและออปชันสไตล์อเมริกัน

แพลตฟอร์มการเทรด Forex

มีแพลตฟอร์มการเทรดฟอเร็กซ์ยอดนิยมหลายแห่งที่คุณสามารถใช้เพื่อเริ่มต้นการเทรดในตลาดสกุลเงินทั่วโลก แพลตฟอร์มเหล่านี้เสนอเครื่องมือ ฟีเจอร์ indicator (indicator คือเครื่องมือช่วยวิเคราะห์อย่างหนึ่ง) และฟังก์ชันการทำงานที่หลากหลายเพื่อให้เหมาะกับสไตล์การเทรดและความชอบที่แตกต่างกัน นี่คือแพลตฟอร์มการเทรดฟอเร็กซ์ที่สำคัญบางส่วน

1. MetaTrader 4 (MT4)

  • MT4 เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มการเทรดฟอเร็กซ์ที่ใช้งานอย่างแพร่หลาย โบรกเกอร์ mt4 เป็นที่รู้จักในด้านอินเตอร์เฟซที่ใช้งานง่าย เครื่องมือสร้างกราฟที่แข็งแกร่ง และความสามารถในการเทรดอัตโนมัติผ่าน Expert Advisors (EAs)
  • คุณสมบัติที่สำคัญ:
        • เครื่องมือสร้างแผนภูมิและการวิเคราะห์ทางเทคนิคขั้นสูง
        • รองรับการเทรดอัตโนมัติโดยใช้สคริปต์ที่กำหนดเองและ EA
        • เข้าถึงชุมชนขนาดใหญ่ เครื่องมือและอินดิเคเตอร์จากบุคคลที่สามหลายรายการ
        • ใช้งานได้บนเดสก์ท็อป เว็บ และอุปกรณ์มือถือ

เราขอแนะนำ Pepperstone เป็นโบรกเกอร์ที่ดีที่สุดสำหรับ MetaTrader 4 โดยพิจารณาจากค่าธรรมเนียมที่ต่ำ ความเร็วในการดำเนินการที่รวดเร็ว และการสนับสนุนลูกค้าภาษาไทยที่ยอดเยี่ยม.

2. MetaTrader 5 (MT5)

  • MT5 เป็นผู้สืบทอดต่อจาก MT4 โดยนำเสนอฟีเจอร์เพิ่มเติมและประสิทธิภาพที่ได้รับการปรับปรุง รองรับคำสั่งซื้อประเภทต่างๆ มากขึ้น เครื่องมือสร้างกราฟที่ได้รับการปรับปรุง และสินทรัพย์ที่หลากหลายมากขึ้น รวมถึงหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์
  • คุณสมบัติที่สำคัญ:
        • รองรับทั้งตราสาร Forex และที่ไม่ใช่ Forex
        • เสนอกรอบเวลาและประเภทของคำสั่งที่รอดำเนินการมากกว่า MT4
        • บูรณาการปฏิทินเศรษฐกิจและข่าวการเงิน
        • ภาษาสคริปต์ที่ได้รับการปรับปรุง (MQL5) สำหรับกลยุทธ์อัตโนมัติที่ซับซ้อนมากขึ้น

เราขอแนะนำ IC Markets ซึ่งเป็นโบรกเกอร์ที่ดีที่สุดสำหรับ MetaTrader 5 เพราะมีสเปรดที่ต่ำมาก สภาพคล่องสูง และให้การเชื่อมต่อที่รวดเร็ว ทำให้เราได้รับประสบการณ์การเทรดที่ราบรื่นและตอบสนองได้ดี IC Markets ยังให้การสนับสนุนลูกค้าภาษาไทยที่ยอดเยี่ยม ช่วยให้เรามั่นใจได้ว่าจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดีในทุกครั้ง

3. cTrader

  • cTrader เป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมที่รู้จักกันดีในเรื่องอินเตอร์เฟซที่ใช้งานง่าย ประเภทคำสั่งขั้นสูง และความโปร่งใส มักถูกใช้โดยเทรดเดอร์ที่ชอบการเข้าถึงตลาดโดยตรง (DMA) และต้องการการดำเนินการที่รวดเร็ว
  • คุณสมบัติที่สำคัญ:
        • การกำหนดราคาระดับ II (ความลึกของตลาด) เพื่อความเข้าใจตลาดที่ดีขึ้น
        • เครื่องมือสร้างกราฟขั้นสูงและตัวชี้วัดทางเทคนิคที่หลากหลาย
        • รองรับการเทรดอัตโนมัติผ่าน cAlgo (cTrader Automate)
        • อินเตอร์เฟซที่ปรับแต่งได้และการเทรดด้วยคลิกเดียว
        • การ copy trade ซึ่งช่วยให้คุณเลียนแบบการเทรดของผู้เชี่ยวชาญได้ แต่คุณอาจต้องหาข้อมูลก่อนว่าควรเลือกใช้ copy trade เจ้าไหนดี

4. TradingView

  • TradingView เป็นแพลตฟอร์มกราฟที่ได้รับความนิยมในหมู่เทรดเดอร์ฟอเร็กซเป็นหลัก เนื่องจากมีฟีเจอร์ Social trading อินดิเคเตอร์ และเครื่องมือวาดกราฟที่หลากหลาย ขณะนี้โบรกเกอร์บางรายได้รวมแผนภูมิ TradingView เข้ากับแพลตฟอร์มการเทรดของตนโดยตรงอีกด้วย
  • คุณสมบัติที่สำคัญ:
        • แพลตฟอร์มบนคลาวด์ที่สามารถเข้าถึงได้จากทุกอุปกรณ์
        • เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่หลากหลายและ indicator ที่ปรับแต่งได้
        • ฟีเจอร์ Social trading รวมถึงการแบ่งปันความคิดและการแชทในชุมชน
        • บูรณาการกับโบรกเกอร์ต่างๆ เพื่อการเทรดโดยตรงจากแผนภูมิ

5. แพลตฟอร์มที่เป็นกรรมสิทธิ์

  • นอกเหนือจากแพลตฟอร์มการเทรดของบุคคลที่สามแล้ว โบรกเกอร์หลายรายยังเสนอแพลตฟอร์มที่เป็นกรรมสิทธิ์ของตน ซึ่งโบรกเกอร์ได้พัฒนาขึ้นภายในบริษัทเอง ตัวอย่างของแพลตฟอร์มที่เป็นกรรมสิทธิ์ยอดนิยม ได้แก่ eToro (ผู้เชี่ยวชาญด้าน Social trading), Plus500 (ออกแบบมาสำหรับมือใหม่ ด้วยอินเตอร์เฟซผู้ใช้ที่เรียบง่ายและฟีเจอร์การจัดการความเสี่ยงที่ดี) และโบรกเกอร์เชิงโต้ตอบ (ออกแบบมาสำหรับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ พร้อมเครื่องมือการเทรดขั้นสูงและประสบการณ์การใช้งานที่ซับซ้อน) หากคุณกำลังมองหา แอพเทรด Forex ที่เหมาะสม คุณสามารถดูตัวเลือกเพิ่มเติมได้ที่ แอพเทรด Forex.

ประเภทของแพลตฟอร์มการซื้อขาย

ทำความเข้าใจพื้นฐานของ Forex

ก่อนที่จะเริ่มต้นการเทรด เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องเข้าใจว่า forex คืออะไร โดย Forex ย่อมาจาก Foreign Exchange หรือการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ซึ่งเป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่มีการซื้อขายสกุลเงินต่างๆ ตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ การเข้าใจพื้นฐานนี้จะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และเข้าใจถึงโอกาสและความเสี่ยงที่มาพร้อมกับการเทรด Forex

ประโยชน์ของการเทรด Forex

การซื้อขายฟอเร็กซ์มอบประโยชน์มากมาย ได้แก่

  • สภาพคล่องสูง: Forex เป็นหนึ่งในตลาดที่มีสภาพคล่องมากที่สุดในโลก ซึ่งหมายความว่า ตลาดมีปริมาณการเทรดที่สูงและมีเทรดเดอร์ Forex จำนวนมาก ทำให้ง่ายต่อการเข้าและออกจากการซื้อขายอย่างรวดเร็ว และเหมาะสำหรับการทำ scalping (การเทรดระยะสั้นมากเพื่อทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงราคาเล็กๆ น้อยๆ)
  • โอกาสในการทำกำไร: เนื่องจากตลาด Forex มีสภาพคล่องและความผันผวนสูง จึงมีโอกาสมากมายในการทำกำไร
  • การเข้าถึง: การซื้อขาย Forex สามารถเข้าถึงได้สำหรับทุกคนที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและบัญชีการเทรด ทำให้บุคคลทั่วไปสามารถเข้าร่วมในตลาดได้ง่ายขึ้น
  • การกระจายความเสี่ยง: การซื้อขายฟอเร็กซ์ให้โอกาสในการกระจายพอร์ตการซื้อขายของคุณได้เป็นอย่างดี
  • เลเวอเรจ: โบรกเกอร์ Forex ที่ดีมักเสนอเลเวอเรจสูง ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถซื้อขายในขนาดที่ใหญ่ขึ้นได้ด้วยการลงทุนที่ค่อนข้างน้อย

ความเสี่ยงของการเทรด Forex

เช่นเดียวกับการลงทุนใดๆ ก็ตาม การเทรด Forex ก็มีความเสี่ยงเช่นกัน ความเสี่ยงทั่วไปบางประการ ได้แก่

  • ความผันผวน: ราคา Forex อาจมีความผันผวนสูงและอาจผันผวนอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดการสูญเสียอย่างมีนัยสำคัญ
  • เลเวอเรจ: แม้ว่าเลเวอเรจจะช่วยเพิ่มผลกำไรได้ แต่ก็สามารถเพิ่มการขาดทุนได้ และอาจนำไปสู่การปิดบัญชีได้
  • ต้นทุนการเทรด: ความต่างของราคา Bid ask อาจะทำให้เกิดต้นทุนการเทรดที่สูงขึ้นได้
  • ความเสี่ยงของคู่สัญญา: การเทรด Forex เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงของคู่สัญญา ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่คู่สัญญาในการเทรดจะไม่ปฏิบัติตามภาระผูกพันของตน

ข้อดีข้อเสียของฟอเร็กซ์

กฎระเบียบฟอเร็กซ์ในประเทศไทย

โบรกเกอร์ Forex และบริษัทที่ให้บริการทางการเงินทั้งหมดควรได้รับการควบคุมจากหน่วยงานชั้นนำ สิ่งนี้จะเพิ่มระดับความไว้วางใจในการให้บริการได้เป็นอย่างดี

ในประเทศไทย การเทรด Forex ได้รับการควบคุมโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) หน่วยงานกำกับดูแลเหล่านี้กำหนดและบังคับใช้กฎและข้อบังคับสำหรับโบรกเกอร์ Forex เทรดเดอร์ และผู้เข้าร่วมตลาดการเงินอื่นๆ ในประเทศไทย เพื่อให้มั่นใจถึงแนวทางปฏิบัติในการซื้อขายที่ยุติธรรมและโปร่งใส

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ควรทราบ คือ มีโบรกเกอร์ออนไลน์เพียงไม่กี่รายที่อยู่ภายใต้หน่วยงานกำกับดูแลของไทยเ ส่วนใหญ่แล้วโบรกเกอร์ระดับสากลมักจะได้รับการควบคุมจากหน่วยงานกำกับดูแลอื่นๆ เช่น สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์แห่งบาฮามาส (SCB) แทน และในฐานะเทรดเดอร์ชาวไทย จำเป็นอย่างยิ่งที่คุณจะต้องมองหาโบรกเกอร์ที่มีกฎระเบียบที่เข้มงวด โดยเฉพาะได้รับการควบคุมโดนหน่วยงานกำกับดูแลระดับ 1

  • เงื่อนไขบางประการที่คุณต้องปฏิบัติตามในฐานะเทรดเดอร์ชาวไทย:
  • คุณไม่สามารถเทรดเงินบาทได้โดยตรงเนื่องจากเป็นสกุลเงินที่ถูกจำกัด
  • เลเวอเรจจำกัดอยู่ที่ 50:1 สำหรับคู่เงินหลักและคู่รอง และ 20:1 สำหรับคู่เงินแปลกใหม่
  • สามารถใช้ได้เฉพาะโบรกเกอร์ที่ได้รับอนุญาตจากประเทศไทยหรือเขตอำนาจศาลที่จดทะเบียนอื่นๆ เท่านั้น

หน่วยงานการกำกับดูแลตลาดฟอเร็กซ์ ในระดับสากล

คำถามที่พบบ่อย

  1. การเทรด Forex มีความเสี่ยงไหม
    ใช่แล้ว การซื้อเทรด Forex มีความเสี่ยง เช่นเดียวกับการลงทุนอื่นๆ ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เช่น ความผันผวนของตลาด เลเวอเรจ และความเสี่ยงจากคู่สัญญา อย่างไรก็ตาม ด้วยแผนการเทรดที่แข็งแกร่ง กลยุทธ์การจัดการความเสี่ยง และแนวทางการเทรดที่มีระเบียบวินัย นักลงทุนสามารถลดความเสี่ยงเหล่านี้และอาจประสบความสำเร็จในระยะยาวได้
  2. การเทรด Forex เหมาะกับมือใหม่หรือไม่
    ใช่ ใครก็ตามที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและมีบัญชีเทรดสามารถเริ่มเทรด Forex ได้ การเริ่มต้นกับโบรกเกอร์ forex สเปรดต่ำก็อาจจะเหมาะกับมือใหม่ อย่างไรก็ตาม คุณจำเป็นต้องค้นคว้าข้อมูล สร้างกลยุทธ์การเทรด และทำความเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องก่อนตัดสินใจลงทุน สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม คุณสามารถศึกษาคู่มือเทรด forex สำหรับมือใหม่ของเราได้
  3. ฉันต้องใช้เงินเท่าไหร่ในการเริ่มเทรด Forex
    จำนวนเงินทุนที่จำเป็นในการเริ่มต้นการเทรด Forex จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์และบัญชีเทรด โบรกเกอร์บางรายอนุญาตให้เทรดเดอร์เปิดบัญชีด้วยเงินเพียง $10 ในขณะที่โบรกเกอร์อื่นๆ อาจต้องมีเงินฝากขั้นต่ำ $1,000 หรือมากกว่า สำหรับการเปิดบัญชีกับบางโบรกเกอร์จะมีโบนัสฟรีให้ด้วย
  4. เวลาที่ดีที่สุดในการเทรด Forex คือตอนไหน
    การเทรด Forex เป็นตลาดที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง แต่มีบางครั้งที่ตลาดมีการเคลื่อนไหวและผันผวนมากกว่าปกติ ทำให้มีโอกาสในการเทรดมากขึ้น เวลาที่ดีที่สุดในการซื้อขายฟอเร็กซ์ขึ้นอยู่กับสถานที่ตั้งของเทรดเดอร์และกลยุทธ์การเทรด แต่โดยทั่วไปแล้วชั่วโมงการเทรดที่มีการเคลื่อนไหวมากที่สุดจะเกิดขึ้นในช่วงที่ทับซ้อนกันของช่วงเวลาการเทรดในเอเชีย ยุโรป และสหรัฐอเมริกา
  5. ฉันสามารถเทรด Forex บนอุปกรณ์มือถือของฉันได้หรือไม่
    ได้สิ โบรกเกอร์ Forex ส่วนใหญ่เสนอแพลตฟอร์มการเทรดบนมือถือที่ช่วยให้เทรดเดอร์ ซึ่งคุณสามารถเข้าถึงตลาดจากสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตก็ได้ การเทรดผ่านอุปกรณ์มือถือมอบความยืดหยุ่นและความสะดวกสบายที่มากขึ้น อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องแน่ใจว่าแพลตฟอร์มมือถือมีความปลอดภัยและเชื่อถือได้ก่อนทำการเทรด
  6. การเทรดฟอเร็กซ์ด้วย EA มีประโยชน์หรือไม่
    แน่นอน การเทรดฟอเร็กซ์ด้วย EA มีประโยชน์หลายประการ เช่น การเทรดอัตโนมัติที่ช่วยประหยัดเวลา การทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ลดการใช้อารมณ์ในการตัดสินใจ และสามารถทดสอบกลยุทธ์ในอดีตได้ แต่คุณควรเลือกและตั้งค่า EA อย่างรอบคอบเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

เครื่องมือเปรียบเทียบแพลตฟอร์มการเทรด

เราได้สร้าง เครื่องมือเปรียบเทียบแพลตฟอร์มการเทรด เพื่อช่วยให้คุณสามารถเลือกแพลตฟอร์มการเทรดที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ หลังจากที่คุณได้กำหนดโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณแล้ว คุณสามารถใช้เครื่องมือนี้เพื่อเปรียบเทียบฟีเจอร์ ค่าธรรมเนียม และคุณสมบัติสำคัญต่างๆ ของแต่ละแพลตฟอร์ม

เริ่มสำรวจ ซอฟต์แวร์การซื้อขาย ของเรา เพื่อค้นหาแพลตฟอร์มการเทรดที่ตรงกับความต้องการของคุณมากที่สุด!

About the author:

Justin Grossbard

Justin เริ่มต้นเทรดตั้งแต่ปี 1998 และได้นั่งตำแหน่งประธานคณะผู้บริหาร และ ผู้ร่วมก่อตั้งของ CompareForexBrokers เมื่อปี 2004 ในหลายปีนี้ Justin ได้เผยแพร่บทความทางการเงินมากกว่า 100 บทความ บน Forbes, Kiplinger ไปจนถึง Finance Magnates เขาสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทและปริญญาตรีในสาขาวิชาพาณิชยศาสตร์ และมีบทบาทสำคัญในชุมชนฟินเทคมาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้เขายังเป็นเจ้าของหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนและการซื้อขาย ที่เผยแพร่เมื่อปี 2023 อีกด้วย

Back to top