การเทรด Forex คืออะไร
หากคุณกำลังสงสัยว่า Forex คืออะไร ผมขออธิบายว่า Forex หรือการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ คือ การแลกเปลี่ยนสกุลเงินหนึ่งไปยังอีกสกุลเงินหนึ่ง เกี่ยวข้องกับการซื้อสกุลเงินหนึ่งและขายอีกสกุลเงินหนึ่งไปพร้อมๆ กัน เพื่อการทำกำไรจากส่วนต่างของอัตราแลกเปลี่ยน
การเทรด Forex เกี่ยวข้องกับการซื้อและขายสกุลเงินตามอัตราแลกเปลี่ยน โดยอัตราแลกเปลี่ยนแสดงถึงมูลค่าของสกุลเงินหนึ่งเทียบกับอีกสกุลเงินหนึ่ง และหากคุณเคยเดินทางไปต่างประเทศและแลกแปลงเงินไทยเป็นสกุลเงินต่างประเทศ ก็แสดงว่าคุณได้ทำธุรกรรม Forex แล้ว
ตัวอย่างเช่น อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างบาทไทย (THB) และดอลลาร์สหรัฐ (USD) อาจเป็น 0.030 ซึ่งหมายความว่า หนึ่งบาทไทยสามารถแลกได้ 0.030 ดอลลาร์สหรัฐ (หรือ 0.30 เซนต์)
โดยปกติแล้วการเทรดฟอเร็กซ์จะต้องทำผ่านโบรกเกอร์หรือผู้ดูแลสภาพคล่อง ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย เทรดเดอร์สามารถซื้อหรือขายสกุลเงินได้ตามการคาดการณ์ความเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนในอนาคต พวกเขาสามารถเปิดสถานะ long (ซื้อ) หากคาดว่าสกุลเงินจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น หรือเปิดสถานะ short (ขาย) หากคาดว่าสกุลเงินจะมีมูลค่าลดลง

คู่สกุลเงิน คืออะไร
คู่สกุลเงิน คือ การรวมกันของสองสกุลเงินที่แตกต่างกันซึ่งมีการซื้อขายกัน สกุลเงินแรกในคู่การซื้อขายคือสกุลเงินหลัก และสกุลเงินที่สองคือสกุลเงินอ้างอิงหรือสกุลเงินรอง เมื่อคุณแลกเปลี่ยนคู่สกุลเงิน คุณจะต้องซื้อสกุลเงินหนึ่งและขายอีกสกุลเงินหนึ่งพร้อมกัน
- คู่สกุลเงินหลัก – คู่สกุลเงินหลักเป็นคู่สกุลเงินหลักที่มีสภาพคล่องมากที่สุด และมีการซื้อขายกันอย่างแพร่หลายในตลาด Forex โดยคู่สกุลเงินหลัก 7 คู่ในตลาด Forex ได้แก่ AUD (ดอลลาร์ออสเตรเลีย)/USD, EUR/USD (ยูโรเป็น USD), GBP/USD (ปอนด์อังกฤษเป็น USD), USD/JPY (USD เป็นเยนญี่ปุ่น) และ USD/CHF (ฟรังก์สวิส)
- คู่สกุลเงินรอง – คู่สกุลเงินรองจะไม่เกี่ยวข้องกับดอลลาร์สหรัฐ แต่จะประกอบด้วยสกุลเงินหลักสองสกุลที่ไม่ใช่ดอลลาร์สหรัฐ (เช่น AUD/EUR, EUR/GBP และ EUR/JPY) คู่สกุลเงินรองจะมีสภาพคล่องน้อยกว่า และโดยทั่วไปจะมีสเปรดที่กว้างกว่าเมื่อเทียบกับคู่สกุลเงินหลัก ซึ่งอาจส่งผลให้ต้นทุนการทำธุรกรรมสูงขึ้น
- คู่สกุลเงินแปลกใหม่ – คู่สกุลเงินแปลกใหม่ คือ คู่สกุลเงินที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินหลักหนึ่งสกุลและอีกหนึ่งสกุลเงินจากประเทศเกิดใหม่หรือประเทศที่กำลังพัฒนา (เช่น USD/THB – ดอลลาร์สหรัฐเป็นเงินบาทไทย) โดยทั่วไปคู่สกุลเงินแปลกใหม่จะมีสภาพคล่องต่ำ สเปรดกว้างกว่า และมีความผันผวนสูงกว่า ทำให้มีความเสี่ยงในการซื้อขายมากกว่าคู่สกุลเงินหลักและคู่สกุลเงินรอง

ตลาด Forex คืออะไร
ตลาด Forex เป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่า 2.73 ล้านล้านดอลลาร์ทั่วโลก ในประเทศไทย ตลาด Forex มีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 7.5 พันล้านดอลลาร์ (Convert) ณ เดือนเมษายน 2022
ตลาด Forex เกี่ยวข้องกับการเทรดสกุลเงินเป็นคู่ โดยที่สกุลเงินหนึ่งจะถูกแลกเปลี่ยนเป็นอีกสกุลเงินหนึ่ง ผ่านเคาน์เตอร์ (OTC) ทำให้ฟอเร็กซ์เป็นตลาดแบบการกระจายอำนาจ ซึ่งหมายความว่า ไม่มีที่ตั้งทางกายภาพหรือการแลกเปลี่ยนแบบศูนย์กลาง แต่จะดำเนินการทางอิเล็กทรอนิกส์ตลอด 24 ชั่วโมง ห้าวันต่อสัปดาห์ ข้ามเขตเวลาที่แตกต่างกัน ทำให้เทรดเดอร์สามารถมีส่วนร่วมได้จากที่ไหนก็ได้ในโลก และนอกจากนี้ การเทรดทอง Forex ก็ยังถือเป็นการทำธุรกรรม Forex อีกด้วย
ตลาด Forex ในยุคใหม่ที่เรารู้จักในปัจจุบันเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นในช่วงทศวรรษ 1970 ด้วยการถือกำเนิดของการเทรดแบบอิเล็กทรอนิกส์และการขจัดอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ และการเทรด การเทรดฟอเร็กซ์ ได้รับความนิยมในประเทศไทยในช่วงปลายทศวรรษ 2000 และต้นปี 2010
มีหลายปัจจัยที่ส่งผลให้ forex ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น รวมถึงการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้น ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และการเกิดขึ้นของโบรกเกอร์ออนไลน์ เป็นต้น
ตลาด Forex ทำงานอย่างไร
ตลาด Forex ประกอบด้วยผู้เข้าร่วมที่หลากหลาย รวมถึงธนาคาร สถาบันการเงิน รัฐบาล บริษัท ผู้ค้ารายย่อย และนักเก็งกำไร ธนาคารและสถาบันการเงินจะมอบสภาพคล่อง โดยการเสนอราคาตามราคาที่พวกเขายินดีจะซื้อและขายสกุลเงิน นอกจากนี้รัฐบาลยังมีส่วนร่วมในตลาด Forex ในแง่ของจัดการทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ ซึ่งเป็นไปเพื่อรักษาเสถียรภาพของสกุลเงินในประเทศของตน
เทรดเดอร์รายบุคคล รวมถึงเทรดเดอร์รายย่อยและนักเก็งกำไร ก็มีส่วนร่วมในตลาด Forex ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์หรือแอพเทรด Forex ที่นำเสนอโดยโบรกเกอร์ Forex ซึ่งเทรดเดอร์รายย่อยเทรดในปริมาณที่น้อยกว่าเมื่อเทียบกับเทรดเดอร์ที่เป็นสถาบัน (หรือธนาคาร) และโดยทั่วไปจะมีส่วนร่วมในการเทรดแบบเก็งกำไรเพื่อหากำไรจากการเปลี่ยนแปลงของราคาสกุลเงิน ทั้งนี้ การซื้อขายฟอเร็กซ์ในไทยจัดเป็นรายได้ประเภทหนึ่ง คุณจึงต้องทำการรายงานและเสียภาษี forex ให้ถูกต้อง

ตัวขับเคลื่อนที่สำคัญของตลาด Forex
มีปัจจัยหลายประการที่มีอิทธิพลต่อตลาด Forex ได้แก่ ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ เหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ นโยบายของธนาคารกลาง ความเชื่อมั่นของตลาด และแนวโน้มเศรษฐกิจโลก
ตัวอย่างที่เกี่ยวข้องในประเทศไทย คือ การประกาศอัตราดอกเบี้ยโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ทุกสองเดือน ซึ่งบางครั้งการตัดสินใจหรือเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่ไม่คาดคิดอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อตลาด Forex ได้เช่นกัน
ในฐานะเทรดเดอร์ชาวไทย สิ่งสำคัญคือต้องติดตามปัจจัยเหล่านี้อย่างใกล้ชิด และใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคและเครื่องมือวิเคราะห์พื้นฐานต่างๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจเทรดของคุณ
ช่วงเวลาเทรด Forex
สำหรับเวลาตลาด Forex นั้นเปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง แต่แบ่งออกเป็นสี่ช่วงหลักตามศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญทั่วโลก ดังตารางด้านล่างนี้
| ชื่อช่วงเวลาและตำแหน่ง | เวลาเปิด(ท้องถิ่น / UTC) | เวลาปิด(ท้องถิ่น / UTC) |
|---|---|---|
| ช่วงเวลาซิดนีย์ – ออสเตรเลีย (AEST) | 08:00 AEST / 22:00 UTC | 16:00 AEST / 06:00 UTC |
| ช่วงเวลาโตเกียว – ญี่ปุ่น(JST) | 09:00 JST / 00:00 UTC | 18:00 JST / 09:00 UTC |
| ช่วงเวลาลอนดอน – สหราชอาณาจักร (GMT) | 08:00 GMT / 08:00 UTC | 16:00 GMT / 16:00 UTC |
| ช่วงเวลานิวยอร์ก – US (EST) | 08:00 EST / 13:00 UTC | 17:00 EST / 22:00 UTC |
ฟอเร็กซ์เซสซั่นเหล่านี้มีความสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ Forex เนื่องจากเป็นช่วงที่กิจกรรมในตลาดและสภาพคล่องสูงที่เหมาะกับการเข้าสู่ตลาดมากที่สุด

คำศัพท์ในการเทรด Forex
มีคำศัพท์มากมายที่เกี่ยวข้องกับการเทรดฟอเร็กซ์ หากคุณเป็นเทรดเดอร์มือใหม่ ลองดูคำอธิบายเพิ่มเติมด้านล่างนี้
- Pip – pip หรือ “เปอร์เซ็นต์ต่อจุด” คือ การเคลื่อนไหวของราคาที่น้อยที่สุดในตลาด Forex โดยทั่วไปจะใช้เพื่อวัดการเปลี่ยนแปลงมูลค่าของคู่สกุลเงิน สำหรับคู่ FX ส่วนใหญ่ pip จะเท่ากับ 0.0001 หรือหนึ่งในร้อยของเปอร์เซ็นต์
- สเปรด – สเปรด คือ ความแตกต่างระหว่างราคาเสนอซื้อและราคาเสนอขาย และวัดเป็น pip มันส่งผลกระทบต่อต้นทุนการซื้อขายและอาจส่งผลกระทบต่ออัตรากำไร โดยทั่วไปสเปรดที่ต่ำกว่าจะส่งผลให้การซื้อขายมีความคุ้มค่ามากขึ้นและอัตรากำไรที่สูงขึ้น
- ล็อต – ขนาดล็อต หมายถึง ปริมาณการเทรดในการเทรด FX ขนาดล็อตกำหนดจำนวนสกุลเงินที่จะซื้อหรือขายในการเทรด ขนาดล็อตมาตรฐานคือ 100,000 หน่วยของสกุลเงินหลัก ในขณะที่ขนาดมินิล็อตคือ 10,000 หน่วย และขนาดไมโครล็อตคือ 1,000 หน่วย
- เลเวอเรจ – เลเวอเรจ คือ ตัวช่วยในการควบคุมตำแหน่งที่ใหญ่ขึ้นในตลาดด้วยเงินทุนจำนวนน้อยกว่า ที่แม้จะช่วยให้เทรดเดอร์ขยายผลกำไร แต่ก็สามารถเพิ่มความเสี่ยงในการขาดทุนได้อีกด้วย เลเวอเรจจะแสดงเป็นอัตราส่วน เช่น 1:100 ซึ่งหมายความว่าทุกๆ 1 ล็อต (เช่น 100,000 หน่วย) ที่คุณซื้อขาย คุณจะซื้อขายได้จริง 100 เท่าของจำนวนนั้น (เช่น 10,000,000)
- มาร์จิ้น – หากคุณกำลังสงสัยว่า มาร์จิ้นใน forex คืออะไร มาร์จิ้น คือ จำนวนเงินที่ต้องใช้ในการเปิดการเทรดในตลาด Forex และเกี่ยวข้องกับเลเวอเรจที่โบรกเกอร์มอบให้ มาร์จิ้นช่วยให้เทรดเดอร์สามารถควบคุมสถานะที่ใหญ่ขึ้นด้วยเงินทุนจำนวนน้อยลง โดยทั่วไป มาร์จิ้นจะแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์ของขนาดการซื้อขาย เช่น มาร์จิ้น 10% หมายความว่าคุณจะต้องฝากเงิน 10% ของขนาดการซื้อขายทั้งหมด เพื่อให้สามารถใช้ขนาดการซื้อขาย $100,000 คุณจะต้องฝากเงินเพียง $10,000
- สวอป – การสวอปสกุลเงินเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ธุรกิจ ธนาคาร และรัฐบาลใช้เพื่อแลกเปลี่ยนสกุลเงินหนึ่งเป็นอีกสกุลเงินหนึ่ง โดยทั่วไปจะถูกกำหนดในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
ประเภทของตลาดฟอเร็กซ์
นอกจากฟอเร็กซ์แล้ว ยังมีตราสารอีกหลายประเภทที่คุณสามารเทรดได้ในตลาดนี้ เช่น
- สปอต – การเทรดแบบสปอตเป็นรูปแบบการเทรดคู่สกุลเงินที่พบได้บ่อยที่สุด โดยที่เทรดเดอร์ซื้อหรือขายคู่สกุลเงิน ณ ราคาตลาดปัจจุบัน เพื่อทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน
- ฟิวเจอร์ – FX Futures คือข้อตกลงในการซื้อหรือขายคู่สกุลเงินตามจำนวนที่ระบุในราคาและวันที่ที่กำหนดไว้ล่วงหน้าในอนาคต เป็นสัญญามาตรฐานที่มีการเทรดบนโบรกเกอร์ที่มีการควบคุม โดยสัญญาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ Chicago Mercantile Exchange (CME)
- สัญญาซื้อขายล่วงหน้า – สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยให้ฝ่ายต่างๆ สามารถล็อกอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับวันที่ในอนาคตได้ ช่วยลดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวน และมักใช้เพื่อจัดการความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
- ออปชัน – ออปชันสกุลเงิน (หรือ FX) เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ซับซ้อนซึ่งให้สิทธิ์แก่ผู้ถือครอง แต่ไม่ใช่ภาระผูกพัน เพื่อการซื้อหรือขายสกุลเงินหนึ่งกับอีกสกุลเงินหนึ่งด้วยอัตราแลกเปลี่ยนที่กำหนดไว้ล่วงหน้าในหรือก่อนวันที่ระบุ ออปชันของ FX มีหลายประเภท รวมถึงออปชัน call และ put เช่นเดียวกับออปชันสไตล์ยุโรปและออปชันสไตล์อเมริกัน
แพลตฟอร์มการเทรด Forex
เพื่อเริ่มต้นการเทรดในตลาดสกุลเงินทั่วโลก คุณสามารถใช้งานแพลตฟอร์มการเทรดฟอเร็กซ์ยอดนิยมหลายแห่ง ซึ่งแพลตฟอร์มเหล่านี้มักจะมีฟีเจอร์ indicator (indicator คือเครื่องมือช่วยวิเคราะห์อย่างหนึ่ง) และฟังก์ชันการทำงานที่หลากหลายเพื่อให้เหมาะกับสไตล์การเทรดและความชอบที่แตกต่างกัน นี่คือแพลตฟอร์มการเทรดฟอเร็กซ์ที่น่าสนใจสำหรับเทรดเดอร์ไทย

1. MetaTrader 4 (MT4)
MT4 เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มการเทรดฟอเร็กซ์ที่ใช้งานอย่างแพร่หลาย เนื่่องจากมีอินเตอร์เฟซที่ใช้งานง่าย เครื่องมือสร้างกราฟที่แข็งแกร่ง และความสามารถในการเทรดอัตโนมัติผ่าน Expert Advisors (EAs)
คุณสมบัติที่สำคัญของ MT4
- เครื่องมือสร้างแผนภูมิและการวิเคราะห์ทางเทคนิคขั้นสูง
- รองรับการเทรดอัตโนมัติโดยใช้สคริปต์ที่กำหนดเองและ EA
- เข้าถึงชุมชนขนาดใหญ่ เครื่องมือและอินดิเคเตอร์จากบุคคลที่สามหลายรายการ
- ใช้งานได้บนเดสก์ท็อป เว็บ และอุปกรณ์มือถือ
ผมขอแนะนำ Pepperstone ในฐานะโบรกเกอร์ MetaTrader 4 ที่ดีที่สุุด เนื่องจากได้รับการทดสอบแล้วว่ามีค่าธรรมเนียมที่ต่ำ ระบบเทรดยอดเยี่ยม ความเร็วในการดำเนินการที่รวดเร็ว และการสนับสนุนลูกค้าภาษาไทยที่ยอดเยี่ยม
2. MetaTrader 5 (MT5)
MT5 เป็นแพลตฟอร์มเทรดที่ต่อยอดมาจาก MT4 โดยนำเสนอฟีเจอร์เพิ่มเติมและประสิทธิภาพที่ได้รับการปรับปรุง รองรับคำสั่งซื้อประเภทต่างๆ มากขึ้น เครื่องมือสร้างกราฟที่ได้รับการปรับปรุง และสินทรัพย์ที่หลากหลายมากขึ้น รวมถึงหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์
คุณสมบัติที่สำคัญของ MT5
- รองรับทั้งตราสาร Forex และที่ไม่ใช่ Forex
- เสนอกรอบเวลาและประเภทของคำสั่งที่รอดำเนินการมากกว่า MT4
- ปฏิทินเศรษฐกิจและข่าวการเงิน
- ภาษาสคริปต์ที่ได้รับการปรับปรุง (MQL5) สำหรับกลยุทธ์อัตโนมัติที่ซับซ้อนมากขึ้น
ผมขอแนะนำ IC Markets ซึ่งเป็นโบรกเกอร์ที่ดีที่สุดสำหรับ MetaTrader 5 เพราะมีสเปรดที่ต่ำ สภาพคล่องสูง และให้การเชื่อมต่อที่รวดเร็ว พร้อมทั้งให้การสนับสนุนลูกค้าภาษาไทยอย่างยอดเยี่ยม
3. cTrader
cTrader เป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมที่รู้จักกันดีในเรื่องอินเตอร์เฟซที่ใช้งานง่าย ประเภทคำสั่งขั้นสูง และความโปร่งใส มักถูกใช้โดยเทรดเดอร์ที่ชอบการเข้าถึงตลาดโดยตรง (DMA) และต้องการการดำเนินการที่รวดเร็ว
คุณสมบัติที่สำคัญของ cTrader
- การกำหนดราคาระดับ II (ความลึกของตลาด) เพื่อให้คุณเข้าใจตลาดได้มากขึ้น
- เครื่องมือสร้างกราฟขั้นสูงและตัวชี้วัดทางเทคนิคที่หลากหลาย
- รองรับการเทรดอัตโนมัติผ่าน cAlgo (cTrader Automate)
- อินเตอร์เฟซที่ปรับแต่งได้และการเทรดด้วยคลิกเดียว
- รองรับการ copy trade ซึ่งช่วยให้คุณเลียนแบบการเทรดของผู้เชี่ยวชาญได้
4. TradingView
TradingView เป็นแพลตฟอร์มกราฟที่ได้รับความนิยมในหมู่เทรดเดอร์ฟอเร็กซ์หลายคน รวมถึงผู้ที่พึ่งเริ่มเทรด เนื่องจากมีฟีเจอร์ Social trading อินดิเคเตอร์ และเครื่องมือวาดกราฟที่หลากหลาย ขณะนี้โบรกเกอร์บางรายได้รวมแผนภูมิ TradingView เข้ากับแพลตฟอร์มการเทรดของตนโดยตรงอีกด้วย
คุณสมบัติที่สำคัญของ TradingView
- แพลตฟอร์มบนคลาวด์ที่สามารถเข้าถึงได้จากทุกอุปกรณ์
- เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่หลากหลายและ indicator ที่ปรับแต่งได้
- ฟีเจอร์ Social trading รวมถึงการแบ่งปันความคิดและการแชทในชุมชน
- บูรณาการกับโบรกเกอร์ต่างๆ เพื่อการเทรดโดยตรงจากแผนภูมิ
5. แพลตฟอร์มเฉพาะของโบรกเกอร์
นอกเหนือจากแพลตฟอร์มการเทรดของบุคคลที่สามแล้ว โบรกเกอร์หลายรายยังเสนอแพลตฟอร์มที่เป็นกรรมสิทธิ์ของตน ซึ่งโบรกเกอร์ได้พัฒนาขึ้นภายในบริษัทเอง ตัวอย่างของแพลตฟอร์มที่เป็นกรรมสิทธิ์ยอดนิยม ได้แก่ eToro (ผู้เชี่ยวชาญด้าน Social trading), Plus500 (ออกแบบมาสำหรับมือใหม่ ด้วยอินเตอร์เฟซผู้ใช้ที่เรียบง่ายและฟีเจอร์การจัดการความเสี่ยงที่ดี) และโบรกเกอร์เชิงโต้ตอบ (ออกแบบมาสำหรับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ พร้อมเครื่องมือการเทรดขั้นสูงและประสบการณ์การใช้งานที่ซับซ้อน)
หากคุณยังไม่แน่ใจว่าตนเองเหมาะสำหรับแพลตฟอร์มการเทรดแบบไหน ลองดู เครื่องมือเปรียบเทียบแพลตฟอร์มการเทรด ที่ทีมงาน Compareforexbrokers ได้ร่วมกันพัฒนาขึ้นมา เพื่อช่วยให้คุณสามารถเลือกแพลตฟอร์มการเทรดที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ
ข้อดีของการเทรด Forex
การซื้อขายฟอเร็กซ์มีจุดเด่นและข้อดีหลายประการ ซึ่งรวมถึง
- สภาพคล่องสูง: Forex เป็นหนึ่งในตลาดที่มีสภาพคล่องมากที่สุดในโลก ซึ่งหมายความว่า ตลาดมีปริมาณการเทรดที่สูงและมีเทรดเดอร์ Forex จำนวนมาก ทำให้ง่ายต่อการเข้าและออกจากการซื้อขายอย่างรวดเร็ว และเหมาะสำหรับการทำ scalping (การเทรดระยะสั้นมากเพื่อทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงราคาเล็กๆ น้อยๆ)
- ทำกำไรได้ทั้งสอง: เนื่องจากตลาด Forex มีสภาพคล่องและความผันผวนสูง จึงมีโอกาสมากมายในการทำกำไร
- เข้าถึงง่าย: การซื้อขาย Forex สามารถเข้าถึงได้สำหรับทุกคนที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและบัญชีการเทรด ทำให้บุคคลทั่วไปสามารถเข้าร่วมในตลาดได้ง่ายขึ้น
- กระจายความเสี่ยงได้ดี: การซื้อขายฟอเร็กซ์ให้โอกาสในการกระจายพอร์ตการซื้อขายของคุณได้เป็นอย่างดี
- ใช้เลเวอเรจได้: โบรกเกอร์ Forex ที่ดีมักเสนอเลเวอเรจสูง ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถซื้อขายในขนาดที่ใหญ่ขึ้นได้ด้วยการลงทุนที่ค่อนข้างน้อย

ความเสี่ยงของการเทรด Forex
เช่นเดียวกับการลงทุนใดๆ ก็ตาม การเทรด Forex ก็มีความเสี่ยงเช่นกัน ความเสี่ยงทั่วไปบางประการ ได้แก่
- ความผันผวน: ราคา Forex อาจมีความผันผวนสูงและอาจผันผวนอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดการสูญเสียอย่างมีนัยสำคัญ
- เลเวอเรจ: แม้ว่าเลเวอเรจจะช่วยเพิ่มผลกำไรได้ แต่ก็สามารถเพิ่มการขาดทุนได้ และอาจนำไปสู่การปิดบัญชีได้
- ต้นทุนการเทรด: ความต่างของราคา Bid ask อาจะทำให้เกิดต้นทุนการเทรดที่สูงขึ้นได้
- ความเสี่ยงของคู่สัญญา: การเทรด Forex เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงของคู่สัญญา ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่คู่สัญญาในการเทรดจะไม่ปฏิบัติตามภาระผูกพันของตน
กฎระเบียบฟอเร็กซ์ในประเทศไทย
เพื่อความปลอดภัยในการใช้งานโบรกเกอร์ Forex และบริษัทที่คุณต้องการใช้บริการควรได้รับการควบคุมจากหน่วยงานชั้นนำทางการเงิน ซึ่งในประเทศไทย การเทรด Forex ได้รับการควบคุมโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ควรทราบ คือ ยังไม่มีโบรกเกอร์รายใดที่ได้รับการรับรองโดยกฎหมายฟอเร็กซ์ไทย โดยโบรกเกอร์ระดับสากลส่วนใหญ่ที่ดำเนินการในไทยมักจะได้รับการควบคุมจากหน่วยงานกำกับดูแลอื่นๆ เช่น สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์แห่งบาฮามาส (SCB) แทน
ผมขอแนะนำว่า คุณควรจะต้องมองหาโบรกเกอร์ที่มีกฎระเบียบที่เข้มงวด โดยเฉพาะได้รับการควบคุมโดนหน่วยงานกำกับดูแลระดับ 1
เงื่อนไขบางประการที่คุณต้องปฏิบัติตามในฐานะเทรดเดอร์ชาวไทย:
- คุณไม่สามารถเทรดเงินบาทได้โดยตรงเนื่องจากเป็นสกุลเงินที่ถูกจำกัด
- เลเวอเรจจำกัดอยู่ที่ 50:1 สำหรับคู่เงินหลักและคู่รอง และ 20:1 สำหรับคู่เงินแปลกใหม่
- สามารถใช้ได้เฉพาะโบรกเกอร์ที่ได้รับอนุญาตจากประเทศไทยหรือเขตอำนาจศาลที่จดทะเบียนอื่นๆ เท่านั้น

คำถามที่พบบ่อย
การเทรด Forex มีความเสี่ยงไหม
ใช่แล้ว การซื้อเทรด Forex มีความเสี่ยง เช่นเดียวกับการลงทุนอื่นๆ ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เช่น ความผันผวนของตลาด เลเวอเรจ และความเสี่ยงจากคู่สัญญา อย่างไรก็ตาม ด้วยแผนการเทรดที่แข็งแกร่ง กลยุทธ์การจัดการความเสี่ยง และแนวทางการเทรดที่มีระเบียบวินัย นักลงทุนสามารถลดความเสี่ยงเหล่านี้และอาจประสบความสำเร็จในระยะยาวได้
การเทรด Forex เหมาะกับมือใหม่หรือไม่
ใช่ ใครก็ตามที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและมีบัญชีเทรดสามารถเริ่มเทรด Forex ได้ การเริ่มต้นกับโบรกเกอร์ forex สเปรดต่ำก็อาจจะเหมาะกับมือใหม่ อย่างไรก็ตาม คุณจำเป็นต้องค้นคว้าข้อมูล สร้างกลยุทธ์การเทรด และทำความเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องก่อนตัดสินใจลงทุน
ฉันต้องใช้เงินเท่าไหร่ในการเริ่มเทรด Forex
จำนวนเงินทุนที่จำเป็นในการเริ่มต้นการเทรด Forex จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์และบัญชีเทรด โบรกเกอร์ชั้นนำบางรายอนุญาตให้เทรดเดอร์เปิดบัญชีด้วยเงินเพียง $10 ในขณะที่โบรกเกอร์อื่น ๆ อาจต้องมีเงินฝากขั้นต่ำ $1,000 หรือมากกว่า
Forex session ใดที่เหมาะสำหรับการเทรด forex มากที่สุด
แม้ตลาด forex จะเปิดตลอด 24 ชั่วโมง แต่การเคลื่อนไหวและผันผวนของตลาดในแต่ละช่วงเวลากลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง การเข้าเทรดในเซสซั่นที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณมีโอกาสทำกำไรมากขึ้น โดยช่วงเวลาตลาดที่ดีที่สุดในการซื้อขายฟอเร็กซ์ขึ้นอยู่กับสถานที่ตั้งของเทรดเดอร์และกลยุทธ์การเทรด แต่โดยทั่วไปแล้วชั่วโมงการเทรดที่มีการเคลื่อนไหวมากที่สุดจะเกิดขึ้นในช่วงที่ทับซ้อนกันของช่วงเวลาการเทรดในเอเชีย ยุโรป และสหรัฐอเมริกา
ฉันสามารถเทรด Forex บนอุปกรณ์มือถือของฉันได้หรือไม่
ได้ โบรกเกอร์ Forex ส่วนใหญ่เสนอแพลตฟอร์มการเทรดบนมือถือที่ช่วยให้เทรดเดอร์เข้าถึงตลาดได้ทุกที่ทุกเวลา จากทั้งสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต อย่างไรก็ตาม คุณควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าแพลตฟอร์มมือถือมีความปลอดภัยและเชื่อถือได้ก่อนทำการติดตั้งและเทรดจริง
การเทรดฟอเร็กซ์ด้วย EA มีประโยชน์หรือไม่
แน่นอน การเทรดฟอเร็กซ์ด้วย EA มีประโยชน์หลายประการ เช่น การเทรดอัตโนมัติที่ช่วยประหยัดเวลา การทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ลดการใช้อารมณ์ในการตัดสินใจ และสามารถทดสอบกลยุทธ์ในอดีตได้ แต่คุณควรเลือกและตั้งค่า EA อย่างรอบคอบเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด





























