รีวิว GMI Markets ดีไหม สำหรับการเทรดฟอเร็กซ์ในปี 2025
สิ่งที่ตอบได้ดีที่สุดว่า GMI Markets ดีไหม นั่นคือ ข้อเสนอเลเวอเรจที่สูง, ประเภทบัญชีที่หลากหลาย และต้นทุนการซื้อขายต่ำผ่านโมเดลการดำเนินการแบบ ECN ทั้งยังเป็นโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ออนไลน์ที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2009 และในปัจจุบันก็มีฐานผู้ใช้งานกว่า 1 ล้านรายทั่วเอเชียและภูมิภาคอื่นๆ
ในรีวิวนี้ ผมจะพาคุณไปพบกับผลการวิเคราะห์ประสิทธิภาพการใช้งานในทุกๆ ด้านที่คุณจำเป็นต้องรู้ก่อนเปิดบัญชีจริง

Written by Justin Grossbard
Updated:
- 67 Forex Brokers reviewed by our expert team (See our top 10 picks)
- 50+ years combined forex trading experience
- 14,000+ hours comparing brokers in the past 12 months
- Structured and in-depth evaluation framework (Our Methodology)
Our broker reviews are reader supported and we may receive payment when you click on a partner site. For more information, visit our About Us page.
ข้อมูลทั่วไป GMI Markets

🗺️ หน่วยงานกำกับดูแล | FSC – Mauritius |
💰 ประเภทบัญชี | ECN, Standard และ Cent |
📊 แพลตฟอร์ม | MT4, MT5, GMI Edge (ด้วย TradingView) |
💰 เงินฝากขั้นต่ำ | $15 |
💰 ค่าธรรมเนียมการฝาก/ถอน | มี |
🛍️ ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน | ฟอเร็กซ์, โลหะหนัก, ดัชนี หุ้น, และพลังงาน, สินค้าโภคภัณฑ์ |
ทำไมควรเลือก GMI Markets?
GMI Markets ดีไหม ? สำหรับผมแล้ว นี่ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ ด้วยข้อกำหนดเงินฝากขั้นต่ำเพียง $15 และเลเวอเรจสูงสุดถึง 1:2000 นอกจากนี้ โบรกเกอร์รายนี้ยังใช้โมเดล ECN ที่ให้สภาพแวดล้อมในการเทดโดยรวมที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง ทั้งสเปรดที่แคบและความเร็วในการส่งคำสั่งที่ดี
ที่สำคัญ ผู้ใช้งานยังสามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง MT4 และ MT5 เพื่อการเทรดอัตโนมัติ หรือเลือกใช้ GMI Edge ที่มีเครื่องมือวิเคราะห์กราฟอันโดดเด่น จากการผสานการใช้งานร่วมกับ TradingView
อย่างไรก็ตาม GMI Markets ก็ยังมีจุดอ่อนอยู่บ้างเล็กน้อย ไม่ว่าจะเป็นจำนวนสินทรัพย์ที่ค่อนข้างน้อย ((ไม่ถึง 100 รายการ) อีกทั้งวิธีฝากถอนเงินยังค่อนข้างจำกัด สำหรับลูกค้าชาวไทย
เปรียบเทียบข้อดีและข้อเสีย
- ฝากเงินเริ่มต้นเพียง $15
- โมเดลการดำเนินการแบบ ECN
- เลเวอเรจสูงสุดถึง 1:2000
- เครื่องมือคัดลอกการเทรด (Copy Trading)
- รองรับแพลตฟอร์ม MT4 และ MT5
- ไม่มีพอร์ทัลการศึกษา
- ไม่รองรับการใช้งาน TradingView
- รองรับสินทรัพย์น้อยกว่า 100 รายการ
ค่าธรรมเนียมในการเทรด
GMI Markets มีบัญชีให้เลือกทั้งหมด 4 ประเภท ไม่ว่าจะเป็นบัญชีที่มีสเปรดลอยตัว หรือแบบสเปรดแคบแต่มีค่าคอมมิชชัน (รูปแบบผสม) แต่หากคุณต้องการเทรดแบบไม่มีค่าคอมมิชชัน คุณก็สามารถเลือกได้ระหว่างบัญชี Standard และ Cent ซึ่งทั้งสองแบบใช้สเปรดลอยตัวที่ค่อนข้างคงที่ (จากการทดสอบของผม)
ส่วนบัญชีที่มีสเปรดต่ำที่สุดคือบัญชี ECN ซึ่งใช้การจับราคาจากผู้ให้สภาพคล่องหลายรายที่แข่งขันกันเพื่อเสนอราคาดีที่สุดให้กับคำสั่งซื้อขายของคุณ โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมด้านล่าง
บัญชี Standard
บัญชี Standard ของ GMI Markets เป็นบัญชีที่มีต้นทุนที่ตรงไปตรงมา ใช้สเปรดลอยตัวที่เริ่มต้นที่ 1 pip สำหรับคู่เงินหลัก (Forex Majors) โดยไม่มีการเรียกเก็บค่าคอมมิชชันในการเทรดเพิ่มเติม
จากการทดสอบของผม พบว่าสเปรดเฉลี่ยของคู่ EUR/USD อยู่ที่ 1.20 pip ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับมาตรฐานของอุตสาหกรรม อีกหนึ่งจุดที่น่าสังเกตคือ สเปรดไม่ค่อยผันผวนมากนัก แม้ในช่วงเวลาที่มีปริมาณการเทรดสูง เช่น ช่วงตลาดลอนดอนและนิวยอร์ก ก็ตาม
จากตารางเปรียบเทียบข้างต้น จะเห็นได้ว่าบัญชี Standard ของ GMI Markets มีสเปรดที่ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยมาตรฐานในตลาดเป็นอย่างมาก
ดังนั้น ผมมองว่าบัญชี Standard เหมาะกับเทรดเดอร์ที่ไม่ได้เข้าเทรดบ่อยนัก เพราะคุณยังจะได้รับการส่งคำสั่งที่มีคุณภาพจากโบรกเกอร์ ECN แต่แลกกับต้นทุนที่สูงขึ้นเล็กน้อยเพื่อความสะดวกในการใช้งาน
บัญชี Cent
บัญชี Cent มีโครงสร้างสเปรดเหมือนกับบัญชี Standard ทุกประการ แต่แตกต่างตรงที่มีขนาดล็อตการซื้อขายที่เล็กกว่า ช่วยลดความเสี่ยงของพอร์ตลง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่เพิ่งเปลี่ยนจากบัญชีเดโมมาเป็นบัญชีจริง เพราะสามารถเริ่มต้นเทรดด้วยไมโครล็อต ลดโอกาสเกิดความผิดพลาดที่อาจทำให้ขาดทุนหนัก
การใช้ขนาดสัญญาที่เล็กลงยังทำให้คุณสามารถเริ่มต้นลงทุนด้วยเงินจำนวนน้อยลง ทำให้บัญชีนี้เหมาะกับมือใหม่ที่ยังไม่ต้องการใช้เงินก้อนใหญ่ในการเริ่มต้น
บัญชี ECN
บัญชี ECN ของ GMI Markets ดำเนินการโดยใช้ระบบ ECN (Electronic Communication Network) ที่ส่งคำสั่งซื้อขายตรงเข้าสู่ตลาดโดยไม่ผ่านคนกลาง จึงมีสเปรดที่แคบ แต่ก็มาพร้อมกับค่าคอมมิชชัน $4.00 ต่อการเทรด 1 ล็อต
จากการทดสอบของผม พบว่า บัญชี ECN ให้สเปรดที่ต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับบัญชีอื่นของ GMI Markets ตัวอย่างเช่น สเปรดของคู่ EUR/USD ในช่วงตลาดนิวยอร์กจะลอยอยู่ระหว่าง 0 ถึง 0.3 pips ซึ่งถือว่ามีค่าใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม ซึ่งที่ 0.27 pips เป็นอย่างมาก
ส่วนค่าคอมมิชชั่นต่อการเทรด 1 รอบ (เปิด + ปิด) จะอยู่ที่ $8.00 ต่อ 1 ล็อต ซึ่งแพงกว่าค่าเฉลี่ยในอุตสาหกรรมที่จะอยู่ที่ประมาณ $6–$7 แต่อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอสเปรดเป็นศูนย์ก็ยังทำให้ GMI Markets สามารถชดเชยต้นทุนได้ในระยะยาว
และเมื่อเปรียบทียบกับบัญชี Standard ที่มีค่าเฉลี่ยรวมอยู่ที่ $11.20 ต่อ 1 ล็อต แล้ว บัญชี ECN ยัง ประหยัดกว่าถึง 28% จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับเทรดเดอร์ที่มีปริมาณการซื้อขายสูง หรือเน้นต้นทุนต่ำในแต่ละคำสั่งซื้อขาย
ผลการเปรียบเทียบบัญชีเทรด GMI Markets
จากการทดสอบของผม บัญชีเทรดแต่ละแบบจะมีความแตกต่างกันเล็กน้อย ซึ่งผมได้สรุปจุดเด่นและรายละเอียดไว้ในตารางด้านล่างนี้แล้ว
ค่าธรรมเนียมบัญชี Swap free
GMI Markets มีบัญชีเทรด swap-free สำหรับเทรดเดอร์ที่นับถือศาสนาอิสลาม มาในรูปแบบบัญชีแบบ Cent, Standard และ ECN
โดยบัญชีประเภทนี้เหมาะสำหรับการถือออร์เดอร์ข้ามสัปดาห์ เพื่อปล่อยให้กำไรวิ่งยาวขึ้น ซึ่งคุณจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการจัดการแทนที่จะจ่ายดอกเบี้ย (swap) และค่าธรรมเนียมนี้จะแตกต่างกันไปตามตลาดที่คุณทำการซื้อขายนั่นเอง
สรุป ค่าธรรมเนียมการซื้อขายของ GMI Markets
ผมให้คะแนน GMI Market ที่ค่อนข้างสูงในด้านค่าธรรมเนียมการซื้อขาย ด้วยบัญชีเทรด 3 ประเภทที่มีให้เลือก คุณสามารถปรับโครงสร้างค่าธรรมเนียมการเทรดให้เหมาะกับสไตล์ของคุณได้อย่างยืดหยุ่นกับ GMI Markets
โดยบัญชี Standard และ Cent ใช้รูปแบบการคิดค่าธรรมเนียมแบบสเปรดเท่านั้น ไม่มีค่าคอมมิชชั่น ส่วนบัญชี ECN ให้ต้นทุนการเทรดที่ต่ำอย่างสม่ำเสมอ แม้ว่าจะมีค่าคอมมิชชั่น $4 ต่อ 1 ล็อตก็ตาม
แพลตฟอร์มการซื้อขาย GMI Markets
GMI Markets supports a mix of MetaTrader 4, MT5, and its proprietary trading platform (GMI Edge), offering something for all trading types. Copy trading is also available through its GMI Edge account, letting you leverage experienced traders’ trades to replicate their profits.
หากคุณยังไม่แน่ใจว่าแพลตฟอร์มไหนเหมาะกับสไตล์การเทรดของคุณ ทีมงานของผมได้พัฒนาเครื่องมือช่วยเลือกแพลตฟอร์มเทรดโดยเฉพาะ โดยเครื่องมือ Platform Finder ถูกออกแบบมาเพื่อจับคู่สไตล์การเทรดของคุณกับแพลตฟอร์มที่เหมาะสมที่สุด โดยอิงจากประสบการณ์จริงในวงการเทรดกว่าหลายสิยปีของเรา
เพียงแค่ตอบคำถามสั้น 5 ข้อด้านล่าง คุณก็สามารถค้นหาแพลตฟอร์มที่ใช่สำหรับคุณได้ทันที:
MetaTrader 4
MetaTrader 4 (MT4) คือหนึ่งในแพลตฟอร์มการซื้อขายที่มีความหลากหลายและยืดหยุ่นที่สุด เหมาะสำหรับเทรดเดอร์รายย่อยและมือใหม่ที่ต้องการฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน แต่ไม่ซับซ้อนมากนัก
MT4 มอบประสบการณ์การวิเคราะห์กราฟที่แข็งแกร่ง โดยมาพร้อมกับ อินดิเคเตอร์ในตัวมากกว่า 30 ตัว เช่น RSI ที่ช่วยให้คุณมองเห็นจังหวะการกลับตัวของแนวโน้มราคา อีกทั้งยังมี เครื่องมือวิเคราะห์อีกกว่า 24 ชนิด ที่ช่วยให้คุณสามารถลากเส้นเทรนด์ไลน์ หรือวัด Fibonacci retracement เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมราคาตามแนว Price Action ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จุดเด่นอย่างหนึ่งของ MT4 คือ สามารถสร้างอินดิเคเตอร์เองได้ (Custom Indicators) ทำให้คุณสามารถปรับแต่งกลยุทธ์ให้ตรงกับสไตล์การเทรดของคุณได้อย่างละเอียด หรือจะเลือกใช้อินดิเคเตอร์จากคอมมูนิตี้ผู้ใช้งานทั่วโลกที่มีให้เลือกมากมาย เพื่อทดลองแนวทางใหม่ๆ ในการมองหาสัญญาณเทรดก็ได้เช่นกัน
MT4 ยังรองรับการเทรดแบบอัตโนมัติผ่านระบบ Expert Advisors (EAs) ซึ่งเป็นบอทเทรดที่สามารถทำงานตามคำสั่งที่คุณตั้งไว้ล่วงหน้า เช่น การเปิด/ปิดออร์เดอร์ หรือการจัดการความเสี่ยง ระบบ EA นี้สามารถควบคุมทุกกระบวนการเทรด ตั้งแต่การหาสัญญาณ ไปจนถึงการจัดการออร์เดอร์แบบ 24/5
อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดของ MT4 คือ ไม่รองรับการเทรดหุ้น CFD ดังนั้น หากคุณสนใจเทรดหุ้นด้วย ผมแนะนำให้เลือกใช้ MT5 แทน
MetaTrader 5
MetaTrader 5 เป็นแพลตฟอร์มเทรดที่ได้รับการอัปเกรดจาก MT4 โดยมีฟีเจอร์ใหม่เพิ่มเติมเพื่อรองรับการวิเคราะห์ขั้นสูงและฟีเจอร์ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการเทรดรายวัน โดยคุณสามารถใช้อินดิเคเตอร์ทางเทคนิคได้มากกว่า 38 ตัว รวมถึงค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ในรูปแบบใหม่ เช่น Triple Exponential Moving Average ซึ่งช่วยลดความหน่วงของราคาได้ดี
อีกหนึ่งฟีเจอร์สำคัญที่เพิ่มเข้ามาใน MetaTrader 5 คือ Depth of Market (DOM) ซึ่งช่วยให้คุณเข้าถึง order book ของผู้ให้สภาพคล่อง (Liquidity Provider) ได้โดยตรง ทำให้คุณมองเห็นตำแหน่งของออร์เดอร์ขนาดใหญ่ในตลาด รวมทั้ง คาดการณ์จุดแนวรับและแนวต้านที่มีศักยภาพได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
จากประสบการณ์ของผม เครื่องมือจะนี้ให้คุณเข้าเทรดได้อย่างแม่นยำ คุณจะไม่เผลอเข้าเทรดตรงจุดที่มี “กำแพงออร์เดอร์” ขนาดใหญ่ซึ่งอาจเกิดการย้อนกลับของทิศทางของราคาได้
อีกหนึ่งฟีเจอร์ใหม่ใน MT5 คือ ปฏิทินเศรษฐกิจในตัวแพลตฟอร์ม ที่จะแสดงข่าวเศรษฐกิจที่กำลังจะเกิดขึ้น บนกราฟของคุณโดยตรง คุณสามารถตั้งค่าคัดกรองเฉพาะข่าวที่มีผลกระทบสูง (High Impact News) ได้ เพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าออร์เดอร์ในช่วงเวลาที่ความผันผวนและสเปรดพุ่งสูง
นอกจากนี้ แพลตฟอร์มยังคงรองรับการเทรดอัตโนมัติเช่นเดิม แต่มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นด้วยโครงสร้างระบบแบบ 64-bit ที่ช่วยให้การทำงานเร็วและเสถียรมากขึ้น, ภาษาเขียนโปรแกรมเวอร์ชันใหม่ MQL5 ที่สามารถสร้าง Expert Advisors (EAs) ได้อย่างซับซ้อนมากขึ้น และสามารถเชื่อมต่อกับ API จากภายนอกได้ด้วย
แพลตฟอร์มการซื้อขาย GMI Edge
GMI Edge เป็นแพลตฟอร์มเทรดของ GMI Markets ที่พัฒนาขึ้นเอง จุดเด่นคือ มีการเชื่อมต่อกับระบบกราฟของ TradingView ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรม
ข้อแตกต่างจากแพลตฟอร์ม MetaTrader คือ GMI Edge เป็นแพลตฟอร์มแบบ web-based ที่คุณสามารถเข้าใช้งานผ่านเบราว์เซอร์จากอุปกรณ์ใดก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์, มือถือ หรือแท็บเล็ต จุดแข็งของระบบนี้คือ คุณสามารถทำเทคนิคอลวิเคราะห์บนอุปกรณ์หนึ่ง แล้วมาเปิดดูต่ออีกอุปกรณ์ได้ทันที ช่วยให้ประหยัดเวลาและทำงานได้ต่อเนื่องมากขึ้น
การใช้ระบบกราฟจาก TradingView ยังช่วยให้คุณเข้าถึงชุดเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคระดับมืออาชีพได้หลายตัว ซึ่งรวมถึง กราฟ 12 รูปแบบ ตั้งแต่กราฟเส้น (Line) ไปจนถึงแท่งเทียน (Candlestick) จึงตอบสนองทั้งความต้องการที่หลากหลายและให้ความยืดหยุ่นสำหรับนักวิเคราะห์สายกราฟได้เป็นอย่างดี
GMI Edge มีอินดิเคเตอร์ให้เลือกใช้งานมากกว่า 100 ตัว (มากกว่า MT4 ถึงสามเท่า) ทำให้คุณมีตัวเลือกในการทดสอบอินดิเคเตอร์เพื่อสร้างกลยุทธ์ของคุณได้อย่างหลากหลายมากขึ้น นอกจากนี้ คุณยังสามารถใช้งาน Hull Moving Average ซึ่งเป็นเป็นหนึ่งในค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ที่ผมคิดว่ามีความแม่นยำสูงสุด
อย่างไรก็ตาม แม้ว่า GMI Edge จะใช้ระบบของ TradingView แต่คุณไม่สามารถใช้อินดิเคเตอร์แบบกำหนดเองได้ เพราะคุณไม่สามารถเข้าถึง Pine Script ได้ ทำให้เสียเปรียบ MetaTrader 4/5 อยู่บ้าง
ภายในแพลตฟอร์มมีฟีเจอร์ GMI News ที่ติดตั้งมาให้ตั้งแต่เริ่ม ซึ่งช่วยให้คุณสามารถดูข่าวสารที่อาจส่งผลต่อการเทรดของคุณได้แบบเรียลไทม์ โดยไม่รบกวนการใช้งาน
ฟีเจอร์ GMI Edge Copy Trading
ในการใช้งานแอปเทรด GMI Edge จะช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงฟีเจอร์ Copy Trading ของโบรกเกอร์ได้ ซึ่งฟีเจอร์นี้จะช่วยให้คุณสามารถดูการจัดอันดับของผู้ให้สัญญาณ พร้อมสถิติผลการเทรดของแต่ละคนก่อนตัดสินใจติดตามการเทรดของเทรดเดอร์มืออาชีพที่คุณชื่นชอบ
การทำงานของฟีเจอร์ Copy Trading ผ่าน GMI Edge คือ ระบบจะทำการคัดลอกออร์เดอร์ของเทรดเดอร์ต้นแบบให้อัตโนมัติ และดำเนินการเปิดคำสั่งแทนคุณแทบจะในทันทีที่คำสั่งต้นทางถูกส่งเข้าระบบ ช่วยให้คุณจำลองผลการเทรดของพวกเขาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผมมองว่านี่เป็นฟีเจอร์ที่มีประโยชน์อย่างยิ่ง ยิ่งในกรณีที่คุณไม่ต้องการเรียนรู้การเทรดฟอเร็กซ์เชิงลึก แต่ยังต้องการมีส่วนร่วมในตลาดอย่างปลอดภัย (อย่างน้อยก็มากกว่าการลงทุนแบบสุ่ม)
สรุป แพลตฟอร์มเทรดของ GMI Markets
แม้ว่าโบรกเกอร์จะมีตัวเลือกแพลตฟอร์มเพียง 3 แบบ แต่คุณก็สามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มที่ดีที่สุดสำหรับเทรดเดอร์รายย่อยอย่าง MetaTrader 4 และ MT5 ได้อย่างราบรื่น ทำให้คุณสามารถเข้าถึงการวิเคราะห์กราฟขั้นสูง หรือการเทรดอัตโนมัติด้วยกลยุทธ์อัลกอริทึม (Algo Trading) บน GMI
ในขณะที่ GMI Edge เป็นอีกตัวเลือก หากคุณต้องการใช้ประโยชน์จากฟังก์ชันบางอย่างของ TradingView (แม้จะมีข้อจำกัดอยู่บ้าง) แต่ก็ยังมาพร้อมชุดเครื่องมือกราฟที่ดี เหมาะอย่างยิ่งกับเทรดเดอร์สาย manual trading หรือผู้ที่ต้องการคัดลอกการเทรดด้วย Copy Trading แบบในตัว
GMI Markets เป็นโบรกเกอร์ที่ปลอดภัยหรือไม่?
GMI Markets ถือว่าเป็นโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือ เนื่องจากมีใบอนุญาตดำเนินกิจการทางการเงินสำหรับลูกค้ารายย่อยจาก Mauritius Financial Services Commission (FSC) ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลที่มีชื่อเสียงจากประเทศมอริเชียส
ใบอนุญาตนี้สะท้อนถึงความรับผิดชอบของโบรกเกอร์ในการรักษามาตรฐานด้านความโปร่งใส การบริหารความเสี่ยง และการคุ้มครองเงินทุนของลูกค้า ทำให้นักเทรดรายย่อยสามารถมั่นใจได้ในระดับหนึ่งเมื่อลงทุนกับโบรกเกอร์นี้
การกำกับดูแล
จากการที่ผมได้ตรวจสอบมาGMI Markets เป็นโบรกเกอร์ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ Mauritius Financial Services Commission (FSC) ซึ่งเป็นองค์กรที่ทำหน้าที่ควบคุมดูแลบริษัทการเงินในมอริเชียส โดย FSC ตั้งข้อบังคับเพื่อให้โบรกเกอร์ต้อง:
- แยกเงินทุนของลูกค้าออกจากเงินทุนของบริษัท เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการบริหารจัดการ
- มีระบบป้องกันลูกค้าไม่ให้ขาดทุนเกินเงินที่ฝากไว้ (Negative Balance Protection)
- ดำเนินการตรวจสอบด้านความโปร่งใสและสภาพคล่องทางการเงินของโบรกเกอร์อย่างสม่ำเสมอ
แม้ว่ามาตรฐานของ FSC จะไม่สูงเทียบเท่ากับหน่วยงานอย่าง FCA (สหราชอาณาจักร) หรือ ASIC (ออสเตรเลีย) แต่ก็ยังถือเป็นการกำกับดูแลที่น่าเชื่อถือและช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับนักลงทุนในระดับที่เหมาะสม
ชื่อเสียงของโบรกเกอร์
GMI Markets ดำเนินธุรกิจมาตั้งแต่ปี 2009 และตามข้อมูลบนเว็บไซต์ของพวกเขาระบุว่า มีลูกค้าที่ใช้บริการโบรกเกอร์มากกว่า 1 ล้านราย ซึ่งการที่อยู่ในตลาดมากว่า 15 ปี ถือเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าโบรกเกอร์นี้มีชื่อเสียงในระดับดี มิฉะนั้นคงจะปิดกิจการไปนานแล้ว
และจากการศึกษาข้อมูล ผมพบว่า GMI Markets มีชื่อเสียงที่แข็งแกร่งในภูมิภาคเอเชีย และได้รับรางวัลโบรกเกอร์ยอดเยี่ยมหลายครั้งตั้งแต่ปี 2022 ถึง 2025
คะแนนรีวิว GMI Markets จาก Trustpilot
เพื่อตรวจสอบความคิดเห็นจริงของลูกค้า ผมได้ตรวจสอบคะแนนรีวิวจาก Trustpilot และพบว่า GMI Markets ได้รับรีวิวเพียง 25 รีวิวบน Trustpilot ด้วยคะแนน 2.7 จาก 5 ซึ่งถือว่าค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับโบรกเกอร์อื่นๆ ที่ผมเคยทดสอบมา อย่างไรก็ตาม คุณควรใช้ข้อมูลเหล่านี้ด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากจำนวนรีวิวที่น้อยมากใน Trustpilot อาจไม่สามารถการันตีความแม่นยำของการใช้งานได้จริง
สรุป ความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือของ GMI Markets
ผมมองว่า GMI Markets เป็นโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือในระดับหนึ่ง เนื่องจากได้รับการกำกับดูแลโดย FSC ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีกรอบการควบคุมที่เข้มงวด ทั้งยังมีระบบป้องกันไม่ให้ยอดคงเหลือติดลบ (negative balance protection) ที่ช่วยให้คุณไม่ต้องเป็นหนี้โบรกเกอร์ด้วย
ช่องทางฝากถอนเงินและค่าธรรมเนียม
ผมพบว่า GMI Markets มีช่องทางการฝากและถอนเงินที่สะดวกสบาย รองรับวิธีการชำระเงินหลากหลายรูปแบบ และด้านล่างนี้คือสรุปข้อมูลเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมฝาก-ถอนของ GMI Markets ที่ผมรวบรวมมาได้
ข้อกำหนดเงินฝากขั้นต่ำที่ GMI Markets
เงินฝากขั้นต่ำที่ GMI Markets จะขึ้นอยู่กับประเภทบัญชีที่คุณต้องการเปิด ได้แก่
- บัญชี Standard: 25 ดอลลาร์
- บัญชี Cent: 15 ดอลลาร์
- บัญชี ECN: 100 ดอลลาร์
ด้วยจำนวนเงินขั้นต่ำที่ถือว่าค่อนข้างน้อยและยังมีข้อเสนอเลเวอเรจที่สูง ทำให้โบรกเกอร์นี้เหมาะสำหรับเทรดเดอร์หน้าใหม่ซึ่งพึ่งเริ่มต้นเทรดและสนใจเปิดออเดอร์ได้หลายตำแหน่ง
สกุลเงินหลักของบัญชี
เมื่อคุณเปิดบัญชีกับ GMI Markets สกุลเงินหลักของบัญชีจะเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) โดยอัตโนมัติ
วิธีการฝากเงินและค่าธรรมเนียม
GMI Markets มีช่องทางการฝากเงินหลายรูปแบบ สำหรับลูกค้าชาวไทย ช่องทางที่แนะนำคือการโอนเงินผ่านธนาคารในประเทศ (local bank transfer) หรือเลือกใช้การสแกน QR code เพราะสะดวกและรวดเร็วกว่า การใช้ e – wallet อย่าง Neteller และ Skrill แต่ไม่ว่าคุณจะเลือกใช้ช่องทางใด โบรกเกอร์ก็จะไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมฝาก แต่กำหนดให้ฝากสูงสุดได้เพียง 2,000,000 บาทต่อครั้ง
วิธีการถอนเงินและค่าธรรมเนียม
สำหรับวิธีการถอนเงินจะเหมือนกับการฝากเงิน คุณสามารถใช้ e-wallet อย่าง Skrill และ Neteller ได้ แต่การถอนผ่าน Skrill และ Neteller จะมีค่าธรรมเนียม 4% และมีขั้นต่ำการถอนเงินที่ 10 ดอลลาร์ ส่วนการถอนผ่านธนาคารในประเทศ จะไม่มีค่าธรรมเนียม โดยกำหนดยอดถอนต่ำสุดที่ 500 บาท และสูงสุดที่ 500,000 บาทต่อครั้ง
ความยากง่ายในการเปิดบัญชีเทรด
กระบวนการเปิดบัญชีที่ GMI Markets ทำได้ง่าย และสามารถทำได้ด้วยตัวเอง โดยคุณจะถูกสอบถามข้อมูลส่วนตัว เช่น ข้อมูลการทำงาน, รายได้ และประสบการณ์การเทรด เพื่อให้แน่ใจว่าบริการที่ได้รับเหมาะสมกับคุณ
หลังจากกรอกแบบฟอร์มเรียบร้อย โบรกเกอร์จะทำการตรวจสอบข้อมูลของคุณ ซึ่งอาจใช้เวลาหลายชั่วโมง ขึ้นอยู่กับเวลาที่คุณส่งเอกสารเข้ามา ส่วนของผมนั้นใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง โดยสมัครในช่วงกลางวัน ถือว่าใช้เวลารวดเร็วไม่น้อยเลย
เมื่อบัญชีของคุณถูกเปิดใช้งานแล้ว คุณสามารถฝากเงินเข้าบัญชีด้วยช่องทางการชำระเงินที่กล่าวไว้ข้างต้น เพื่อเริ่มต้นการเทรดได้ทันที
สรุป การฝากและถอนเงินกับ GMI Markets
จากประสบการณ์ของผม ช่องทางการฝากเงินของ GMI Markets ไม่ได้มีตัวเลือกมากนัก แต่ก็สะดวกสำหรับเทรดเดอร์ชาวไทย โดยเฉพาะการสแกน QR code ที่สามารถทำได้โดยไม่มีค่าธรรมเนียมฝาก
ส่วนการถอนเงิน ถ้าคุณเลือกใช้ระบบธนาคารจะไม่มีค่าธรรมเนียม แต่หากเลือกใช้ Skrill หรือ Neteller จะมีค่าธรรมเนียม 4% ซึ่งผมมองว่าเป็นอัตราที่ค่อนข้างสูงเลยที่เดียว
ตลาดการเงินที่รองรับโดย GMI Markets
ตลาดการเงินของ GMI Markets มีเพียง 90 รายการ ถือว่าเป็นจุดอ่อนอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเทียบกับโบรกเกอร์อื่นๆ ที่ผมเคยทดสอบมา โบรกเกอร์เน้นให้บริการตลาดที่มีสภาพคล่องสูงเป็นหลัก ตั้งแต่ฟอเร็กซ์ไปจนถึง CFD ในหุ้นสหรัฐยอดนิยม
คู่สกุลเงิน (Forex Pairs)
โบรกเกอร์ GMI Market มีคู่สกุลเงินให้เลือกถึง 39 คู่ ครอบคลุมทั้งคู่หลัก (majors) และคู่รอง (minors) แต่ไม่มีคู่เงินแปลกใหม่ (exotics) ซึ่งถือว่าเหมาะสมสำหรับเทรดเดอร์ส่วนใหญ่ เพราะคู่เงินแปลกใหม่มักมีค่าธรรมเนียมสูงและความผันผวนมาก ทำให้ไม่น่าสนใจสำหรับการเทรด forex โดยทั่วไป
จากการวิเคราะห์ของผม ถ้าวัดจากจำนวนตลาด คู่สกุลเงินของ GMI Markets ถือว่ามีจำนวนน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับโบรกเกอร์ส่วนใหญ่ที่มักเสนอตลาดคู่เงินระหว่าง 70-90 คู่
ดัชนีตลาด (Indices)
GMI Markets มีดัชนีตลาดให้เทรด 11 ดัชนี ครอบคลุมตลาดสหรัฐฯ, เอเชีย และสหราชอาณาจักร ทำให้คุณเข้าถึงสินค้ายอดนิยม ไม่ว่าจะเป็นดัชนี S&P 500 และ NASDAQ รวมถึงดัชนียุโรปอย่าง FTSE 100 ได้
สินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities)
สินค้าโภคภัณฑ์ของ GMI Markets ประกอบด้วยโลหะมีค่าและพลังงาน (จำกัดเฉพาะน้ำมันดิบของสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรเท่านั้น) สำหรับโลหะมีค่า คุณสามารถเทรดทองคำและเงิน โดยมีสเปรดต่ำเริ่มต้นที่ 0 pips (เฉพาะทองคำ)
หุ้น CFD (Share CFDs)
ตลาดที่มีตัวเลือกมากที่สุดคือหุ้น CFD ของ GMI เพราะมีตัวเลือกมากกว่า 40 รายการจากบริษัทในสหรัฐฯ และฮ่องกง ตัวอย่างหุ้นที่เทรดได้ เช่น Apple และ Amazon ทำให้คุณสามารถใช้ประโยชน์จากความผันผวนในช่วงฤดูกาลรายงานผลประกอบการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หมายเหตุ: ตลาดเหล่านี้ไม่สามารถเทรดผ่านแพลตฟอร์ม MT4 ได้
คริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency)
ในขณะที่ผมรีวิว GMI Markets ยังไม่เปิดให้เทรดตลาดคริปโตเคอร์เรนซีสำหรับทั้งนักเทรดรายย่อยและมืออาชีพ
สรุป ความหลากหลายของสินทรัพย์ที่สามารถเทรดได้ที่ GMI Markets
ผมพบว่า GMI Markets สินทรัพย์ที่น่าสนใจโดยภาพรวม ทำให้นักเทรดสามารถเข้าถึงสินค้าที่มีสภาพคล่องสูงได้ แม้จะยังไม่ครอบคลุมในทุกตลาด ดังนั้น หากคุณกำลังมองหาตัวเลือกตลาดที่หลากหลายเพื่อการเทรดระยะสั้น (day trading) โบรกเกอร์นี้อาจไม่ตอบโจทย์คุณนัก
ฝ่ายบริการลูกค้าของโบรกเกอร์ GMI
GMI Markets ระบุว่าพวกเขามีฝ่ายดูแลลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ ผ่านช่องทางแชทสด (Live Chat) และอีเมล (ตามที่ระบุบนหน้าเว็บไซต์) แต่ความจริงแล้วผมพบว่า ผมไม่สามารถติดต่อพวกเขาในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ได้ แต่ในขณะเดียวกัน สิ่งที่ทำให้ผมประทับใจ คือ การให้บริการลูกค้าชาวไทยในช่องทาง Line accplication ที่สะดวกและรวดเร็วกว่า
การเชื่อมต่อกับเจ้าหน้าที่ใน Line app ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที และเจ้าหน้าที่ตอบคำถามอย่างรวดเร็วและมืออาชีพ อีกทั้งยังใช้ภาพหน้าจอประกอบการอธิบาย ซึ่งผมคิดว่านี่เป็นจุดที่ดีมาก โดยเวลาทำการของเจ้าหน้าที่บน Line app จะแตกต่างออกไป ดังนี้
- วันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 08.00 – 21.00 น.
- วันเสาร์ เวลา 13.00 – 17.00 น.
สรุป การบริการลูกค้าของ GMI Markets
ผมชอบที่ลูกค้าชาวไทยสามารถเข้าถึง Line app ได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านบอท AI หรือกรอกข้อมูลส่วนตัว และคุณจะได้รับการช่วยเหลืออย่างรวดเร็วจากเจ้าหน้าที่ชาวไทยที่มีประสบการณ์สูง นี่ทำให้ประสบการณ์โดยรวมเป็นไปในทิศทางที่ค่อนข้างดี ถึงแม้โบรกเกอร์จะไม่ได้ให้บริการในทุกวันก็ตาม
แหล่งข้อมูลวิจัยและการศึกษา
จากการทดสอบของผม GMI Markets ยังมีจุดอ่อนที่สำคัญในแง่พอร์ทัลการศึกษาและข้อมูลการวิจัย เนื่องจากหน้าเว็บไซต์ไม่มีหมวดหมู่ที่สำคัญเช่นนี้แต่อย่างใด
สื่อการเรียนรู้
จากที่ผมทดสอบ ผมรู้สึกแปลกใจที่ GMI Markets ไม่มีบทเรียนออนไลน์ บทความ หรือคอร์สการเทรดฟอเร็กซ์ใดๆ ให้เลย อย่างน้อยผมคาดหวังว่าจะมีเนื้อหาเบื้องต้น เพราะแทบทุกโบรกเกอร์ที่ผมเคยลองใช้งานมักจะมีส่วนนี้ให้กับลูกค้าของพวกเขา
งานวิจัยตลาด
ผมพบว่า GMI Markets ไม่มีการวิเคราะห์ตลาดภายในองค์กรเอง แต่ใช้บริการจาก Trading Central ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยมืออาชีพ เพื่อการวิเคราะห์ทางเทคนิคอัตโนมัติในตลาดต่างๆ ของโบรกเกอร์ ผมพบว่า Trading Central ใช้เครื่องมือที่น่าสนใจ เช่น ระดับแนวรับแนวต้าน พร้อมกับคำแนะนำที่ชัดเจนและเป้าราคาที่ควรติดตาม
สรุป พอร์ทัลการศึกษาและวิจัยของ GMI Markets
แม้ว่างานวิจัยที่ได้รับผ่าน Trading Central จะมีความน่าเชื่อถือ แต่ GMI Markets ก็ยังขาดบริการเสริมด้านสื่อการเรียนรู้ที่จะช่วยสนับสนุนนักเทรดมือใหม่บนแพลตฟอร์มของพวกเขา
บทสรุป: รีวิว GMI Markets 2025
โดยรวมแล้ว ผมเห็นว่า GMI Markets เป็นตัวเลือกโบรกเกอร์ forex ที่น่าสนใจ ในแง่ความหลากหลายของบัญชี โดยมีให้เลือกถึง 3 ประเภท ทั้งแบบสเปรดแบบแปรผันและบัญชี ECN ที่มีสเปรดแคบพร้อมค่าคอมมิชชั่น และจากการทดสอบพบว่าบัญชี ECN ให้ต้นทุนต่ำที่สุดตามที่คาดไว้ เพราะมีสเปรดเริ่มต้นที่ 0 pips
ส่วนตัวเลือกแพลตฟอร์มนั้นมีค่อนข้างจำกัด แต่คุณยังสามารถเข้าถึงฟีเจอร์ขั้นสูงผ่านแพลตฟอร์ม MetaTrader 4 และ MT5 หรือเลือกใช้ GMI Edge ที่สามารถเชื่อมต่อกับ TradingView ทำให้คุณได้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ครบครันก็ได้เช่นกัน
แม้ว่าจะมีตลาดให้เทรดหลากหลาย ตั้งแต่ฟอเร็กซ์จนถึงหุ้น CFD แต่จำนวนสินทรัพย์รวมยังน้อยกว่าร้อยรายการ ที่สำคัญ หากคุณชอบเทรดสินค้าที่มีความผันผวนสูง คุณอาจจะไม่พบตัวเลือกที่ต้องการกับ GMI Markets
คำถามที่พบบ่อย: การเทรดกับ GMI Markets ไทย 2025
GMI Markets เป็นโบรกเกอร์ที่ได้รับการกำกับดูแลหรือไม่?
ใช่ GMI Markets ได้รับการกำกับดูแลโดย Financial Services Commission (FSC) ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลจากต่างประเทศ (offshore regulator) โดยมีการคุ้มครองทางการเงินแก่ลูกค้ารายย่อยและสร้างสภาพแวดล้อมการเทรดที่ปลอดภัย
GMI Markets มีเลเวอเรจสูงสุดเท่าไหร่?
GMI Markets มี leverage ที่น่าสนใจสูงสุดถึง 1:2000 ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของโบรกเกอร์เลเวอเรจสูงอื่นๆ ถึง 4 เท่า ซึ่งจำนวนเลเวอเรจจะแตกต่างกันตามประเภทบัญชี โดยบัญชี ECN มีเลเวอเรจสูงสุดที่ 1:500, บัญชี Cent ที่ 1:1000 และบัญชี Standard สูงสุดที่ 1:2000
ยอดเงินฝากขั้นต่ำที่ GMI Markets คือเท่าไหร่?
เงินฝากขั้นต่ำที่ GMI Markets ขึ้นอยู่กับประเภทบัญชี โดยบัญชี Cent ต้องการเงินฝากขั้นต่ำ 15 ดอลลาร์, บัญชี Standard ต้องการ 25 ดอลลาร์ และบัญชี ECN ต้องการ 100 ดอลลาร์
GMI Markets มีบัญชีทดลองไหม?
มี GMI Markets มีบัญชีทดลองฟรีผ่านแพลตฟอร์ม MT4, MT5 และ GMI Edge ให้คุณได้สัมผัสสภาพแวดล้อมการเทรดของโบรกเกอร์โดยไม่ต้องเสี่ยงเงินจริง บัญชีทดลองนี้ครอบคลุมทุกประเภทบัญชี ช่วยให้คุณเลือกประเภทบัญชีที่เหมาะสมกับตัวเองได้ง่ายขึ้น
ทางเลือกแทน GMI Markets
หากคุณมองหาทางเลือกแทนการใช้งาน GMI Markets คุณอาจมีตัวเลือกหลายแห่ง ซึ่งขึ้นอยู่กับสไตล์การลงทุนและวัตถุประสงค์ในการใช้งาน ลองดูตัวอย่างด้านล่างนี้ สำหรับตัวเลือกเพิ่มเติม
Justin Grossbard
Justin เริ่มต้นเทรดตั้งแต่ปี 1998 และได้นั่งตำแหน่งประธานคณะผู้บริหาร และ ผู้ร่วมก่อตั้งของ CompareForexBrokers เมื่อปี 2004 ในหลายปีนี้ Justin ได้เผยแพร่บทความทางการเงินมากกว่า 100 บทความ บน Forbes, Kiplinger ไปจนถึง Finance Magnates เขาสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทและปริญญาตรีในสาขาวิชาพาณิชยศาสตร์ และมีบทบาทสำคัญในชุมชนฟินเทคมาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้เขายังเป็นเจ้าของหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนและการซื้อขาย ที่เผยแพร่เมื่อปี 2023 อีกด้วย