โบรกเกอร์ forex โบนัสฟรี 2024

ผมชอบ Pepperstone ตรงที่พวกเขาเสนอโบนัสที่โดดเด่นสำหรับเทรดเดอร์ทุกระดับ สำหรับลูกค้ารายย่อย เมื่อคุณแนะนำเพื่อน คุณจะได้รีบฟรีเทรด ส่วนเทรดเดอร์มืออาชีพ คุณจะได้รับโบนัสเงินสด $1,000 และส่วนลดเพิ่มเติมจากโปรแกรมการเทรดที่คุณใช้งานอยู่

นอกจากนี้ Pepperstone ยังนำเสนอสเปรดเริ่มต้นที่ 0 pips (บวกค่าคอมมิชชัน)ในบัญชี Razor และเครื่องมือการเทรดที่หลากหลายรวมถึง MetaTrader และ TradingView โบรกเกอร์ที่ดีที่สุดแห่งนี้ ให้บริการ copy trade ขั้นสูง และนำเสนอคู่สกุลเงินถึง 92 คู่ และใช้ความเร็วในการดำเนินการคำสั่งที่ต่ำกว่า 100ms

ในฐานะลูกรายย่อยของ Pepperstone คุณจะได้รับโบนัสเทรดฟรี 20 ครั้งจากโปรแกรม Refer A Friend และสำหรับลูกค้าใหม่ที่เปิดบัญชี Pro Pepperstone จะได้รับโบนัสต้อนรับสูงสุดถึง $1,000

ในกรณีที่คุณเป็นสมาชิกระดับ Pro และ Premium ของ Pepperstone ที่มีปริมาณการเทรดเกิน $15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ติดต่อกันนานสองไตรมาส และเงื่อนไขเพิ่มเติมตามที่เว็บไซต์หลักระบุ คุณจะมีสิทธิ์เข้าร่วมโปรแกรม Active Trader

โปรแกรม Active Trader เป็นระบบผลประโยชน์ตามระดับการเทรด ที่ให้ส่วนลดค่าธรรมเนียมแก่ลูกค้า Pro ในแต่ละเดือน ยิ่งคุณเทรดมากเท่าไร ส่วนลดก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งจะอยู่ในช่วง $1 ถึง $3 ต่อล็อต

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมในตารางด้านล่าง:

ในแต่ละเดือนที่มีปริมาณการเทรดสินทรัพย์ถึงยอดที่กำหนดไว้ คุณก็จะได้รับส่วนลดค่าเทรดตามระดับ

Pepperstone มีแพลตฟอร์มการเทรดระดับท็อป

สิ่งหนึ่งที่ผมชื่นชอบคือ Pepperstone มอบความยืดหยุ่นแก่คุณในการเลือกชุดเครื่องมือการเทรดจากชุดแพลตฟอร์มการเทรดฟอเร็กซ์:

• Pepperstone Trading App
• MetaTrader 4
• MetaTrader 5
• cTrader
• TradingView

Pepperstone Trading App เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ตลาดและการดำเนินการคำสั่งที่ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะสำหรับ iOS และ Android ในฐานะลูกค้าใหม่ คุณจะสามารถสร้างบัญชีการเทรดได้อย่างสะดวก รวดเร็ว รวมทั้งทำรายการฝากถอนเงินได้อีกด้วย

คุณสมบัติการตีกราฟที่ครอบคลุมของแอพเทรด forex ช่วยให้ผมอ่านตลาดออก ช่วยในการระบุโอกาสการเทรดและมีความมั่นใจเมื่อต้องตัดสินใจเทรด คุณสมบัติที่ผมชื่นชอบที่สุดในแพลตฟอร์มการเทรดนี้ ได้แก่

1. Quick Switch – สามารถสลับระหว่างกราฟหลายตัวและเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อรับข้อมูลเชิงลึกในตลาดสินทรัพย์ แม้ในเวอร์ชันมือถือ
2. การเทรดด้วยคลิกเดียว – จัดการและดำเนินการคำสั่งแบบเรียลไทม์ ไม่มีการหน่วงเวลา ด้วยการคลิกหรือแตะเพียงครั้งเดียว
3. อินดิเคเตอร์ขั้นสูง – เข้าถึงอินดิเคเตอร์ขั้นสูงรวมถึง Bollinger Bands, Stochastics, RSI, MACD และ MA
4. การจัดการความเสี่ยงขั้นสูง – ใช้ stop-loss, stop-entry และ trailing stop-loss ร่วมกับคำสั่ง limit เพื่อการจัดการความเสี่ยงที่ดียิ่งขึ้น
5. บัญชี Demo – ทดสอบกลยุทธ์และคู่สกุลเงินใหม่ด้วยยอดเงินเสมือนจริง ก่อนที่จะทำการลงทุนในตลาดจริง

นอกเหนือจากแพลตฟอร์มเดสก์ท็อปและมือถือที่เป็นเอกลักษณ์ Pepperstone ยังเป็นโบรกเกอร์ MT4FX ที่ได้รับการยอมรับอย่างมาก โดยเฉพาะนักลงทุนมือใหม่เพราะมีเครื่องมือการเทรดที่จำเป็นทั้งหมด รวมถึงคุณสมบัติการจัดการความเสี่ยงและการทำงานอัตโนมัติขั้นสูง คุณสมบัติเด่นบางประการของ MT4 ได้แก่:

• การเทรดผ่าน Expert advisor (EA) บนชุดเครื่องมือ Smart Trader Tools
• อินดิเคเตอร์ในตัวมากกว่า 85 รายการสำหรับการวิเคราะห์ตลาดขั้นสูง
• Autochartist ตัวช่วยในการตรวจจับและระบุแนวโน้มตลาดโดยอัตโนมัติ ที่มีความเที่ยงตรงและแม่นยำ
• เชื่อมต่อกับชุมชน MQL4 เพื่อค้นหาอินดิเคเตอร์เพิ่มเติม และใช้ข้อมูลเพื่อการปรับแต่งการเทรด การวิเคราะห์ตลาด และจัดการความเสี่ยงของคุณ
• กราฟและคำสั่งที่มีความละเอียดและปรับแต่งได้ พร้อมโหมดการดำเนินการ 3 โหมด คำสั่ง market 2 แบบ คำสั่งรอดำเนินการ 4 แบบ คำสั่งหยุด 2 แบบ และคำสั่ง trailing stop

Pepperstone ยังมีแพลตฟอร์ม MT5 ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่พัฒนาจาก MT4 เพื่อตอบสนองความต้องการของเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์สูงในตลาด CFD ตัวอย่างเครื่องมือการเทรด Forex และ CFD ได้แก่:

• 21 กรอบเวลา ที่ใช้ได้ในกราฟทั้งหมด เพื่อให้มุมมองที่ชัดเจนสำหรับข้อมูลของคุณ
• รองรับคำสั่งและการดำเนินการทั้งหมด ทั้งคำสั่ง market, คำสั่งรอดำเนินการ, คำสั่งหยุด และ trailing stop
• ระบบ hedging สำหรับตลาดฟอเร็กซ์ ช่วยให้คุณสามารถจัดการความเสี่ยงได้ดีกว่า
• การเข้าถึง Depth of Market เพื่อดูปริมาณการเทรดและสินทรัพย์ที่น่าสนใจแบบเรียลไทม์ เหมาะสำหรับการกระจายการลงทุน และเป็นเลือกตัวเลือกการป้องกันความเสี่ยง

นอกจากนี้ หากคุณใช้บัญชี Razor ของ Pepperstone คุณจะสามารถใช้งานชุดเครื่องมือวิเคราะห์ TradingView ได้ด้วย ซึ่งผมคิดว่าเซีนรกราฟทั้งหลายน่าจะได้ประโยชน์สูงสุดจากการเทรดด้วย TradingView

สำหรับลูกค้าทั่วไป จะสามารถใช้ TradingView ในเวอร์ชัน Essentials ได้ฟรี ในกรณีที่คุณอยากยกระดับเครื่องมือการทำกราฟที่ปรับแต่งได้ คุณสามารถทำได้ด้วยการสมัครสมาชิก Plus หรือ Premium และเลือกใช้ฟีเจอร์การทำกราฟที่ละเอียดขึ้น ได้แก่:

สุดท้าย แต่ไม่ท้ายสุด ผมขอแนะนำแพลตฟอร์มการตีกราฟ cTrader ที่ใช้งานง่ายและทรงพลังให้กับเทรดเดอร์สาย scalping และเทรดเดอร์ที่ชอบเทรดระยะสั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการรวมเอาฟีเจอร์ Trader Copy และ cTrader Automate เข้าด้วยกันเพื่อการดำเนินการที่แม่นยำ

และด้วยเครื่องมือการทำกราฟขั้นสูงและการวิเคราะห์ Depth of Market คุณสามารถเจาะลึกแนวโน้มและสินทรัพย์ที่น่าสนใจได้แบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ยังมี cBots, อินดิเคเตอร์ และปลั๊กอินจำนวนมากให้ดาวน์โหลดเพื่อลิงก์กับบัญชีของคุณสำหรับงานการเทรดที่หลากหลาย

ซึ่งรวมถึงการ scalping, การคำนวณตำแหน่ง, การวิเคราะห์อารมณ์การเทรด และการประเมินประสิทธิภาพของสกุลเงินสำหรับการเทรดทั้งระยะยาวหรือระยะสั้น

Pepperstone กับเครื่องมือการ copy trade ขั้นสูง

Pepperstone มีแอพ copy trade ของตัวเอง ในชื่อ CopyTrading by Pepperstone ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับบัญชี MT4 และ MT5 ของคุณได้ แม้ในมือถือ ซึ่งแอพนี้พัฒนาโดย Pelican Exchange Ltd. หนึ่งในเครือข่ายการ copy trade ที่ใหญ่ที่สุดในโลก คุณจะมีโอกาสเข้าถึงชุมชน copy trader ของพวกเขาที่มีผู้ให้สัญญาณกว่า 5,000 คน เพื่อเพิ่มโอกาสในการค้นหาคู่ที่มีกำไรสูงสุดสำหรับคุณ

Copy Trading by Pepperstone มาพร้อมกับฟีเจอร์การจัดการความเสี่ยงขั้นสูง รวมถึงการกำหนดขนาดตำแหน่งและขีดจำกัดการขาดทุน เพื่อให้แน่ใจว่าการเทรดของคุณจะยังคงมีกำไร โดยส่วนตัวแล้ว ผมชอบฟีเจอร์ Spotlight และ Watermark เพราะทำให้ผมเลือกผู้ให้บริการสัญญาณการซื้อขายได้ง่ายขึ้น

Watermark แสดงถึงผลกำไรสูงสุดของผู้ให้บริการสัญญาณการซื้อขายของคุณ โดยแสดงให้เห็นถึงกำไรที่คุณอาจจะได้รับหากคุณเลือกติดตามพวกเขา ส่วน Spotlight คือสินทรัพย์ที่น่าสนใจหลายรายการที่โบรกเกอร์ไฮไลท์ไว้ ตามผลการดำเนินงานหรือระดับความเสี่ยง สองสิ่งนี้จะช่วยให้คุณมองภาพตลาดได้อย่างชัดเจนขึ้น

อีกหนึ่งเครื่องมือการ copy trade ที่ได้รับคะแนนสูงคือ cTrader Copy ซึ่งคุณสามารถใช้ร่วมกับ cTrader ได้ ฟีเจอร์ที่โดดเด่นสำหรับผม ได้แก่:

• คัดลอกการเทรดได้ด้วยการสัมผัสเพียงครั้งเดียว
• ประสิทธิภาพและประวัติของสัญญาณ เพื่อประเมินอัตราความสำเร็จ
• ตัวเลือกผู้ให้สัญญาณชั้นนำหลายราย เพื่อการคัดลอกสินทรัพย์แต่ละประเภท
• ความสามารถในการเชื่อมต่อกับ TradingView ในบัญชีแบบ Razor เพื่อการวิเคราะห์ตลาดอย่างละเอียดในระหว่างการ copy trade
• แม้ว่าสัญญาณบางตัวอาจมีค่าธรรมเนียม แต่ก็มีสัญญาณอีกหลายตัวที่สามารถคัดลอกได้ฟรี

Pepperstone มีสเปรดต่ำ มาพร้อมด้วยการดำเนินการที่รวดเร็ว

Pepperstone ให้สเปรดที่ต่ำมากทั้งในบัญชี Razor และบัญชี Standard:

1. บัญชี Standard – ไม่มีค่าธรรมเนียม มีสเปรดที่กว้างกว่าเริ่มต้นที่ 1.0 pips โดยมีสินทรัพย์ที่สามารถเทรดได้มากกว่า 1,200 รายการ Pepperstone ยังเหมาะสำหรับมือใหม่และเทรดเดอร์ระยะยาวที่ใช้สวอป
2. บัญชี Razor – เสนอการเทรดแบบ ECN โดยมีสเปรดเริ่มต้นที่ 0 pips และเฉลี่ยอยู่ที่ 0.1 pips สำหรับ EUR/USD ค่าธรรมเนียมเริ่มต้นที่ $3.00 ต่อล็อต แต่อาจแตกต่างกันไปตามสกุลเงินของบัญชีที่คุณเลือก เหมาะสำหรับเทรดเดอร์แบบ scalping หรือ แบบที่ใช้อัลกอริทึม

นักวิเคราะห์ของเรา Ross Collins ได้ทดสอบ RAW spread ของ Pepperstone และพบว่าสเปรดสำหรับ EUR/USD และ AUD/USD มีค่าใกล้เคียงกับ 0.19 pips สเปรดสำหรับ GBP/USD อยู่ที่ 0.41 pips และ USD/CAD อยู่ที่ 0.61 pips จากผลการทดสอบเหล่านี้ พบว่ามีส่วนต่างเล็กน้อยประมาณ 0.1 – 0.2 pips ระหว่าง RAW spread ที่เผยแพร่และผลการทดสอบของเขา

ความเร็วในการดำเนินการแบบ no dealing desk (NDD) ที่ต่ำกว่า 100 ms ของ Pepperstone ยังช่วยในการลดการเกิดการคาดเคลื่อนและการปฏิเสธ/รีโควต โดยมีการรับประกันอัตราการเติมคำสั่งสูงถึง 99.62% สำหรับคำสั่งของ Forex ทั้งหมด ซึ่งไม่มีการเติมแค่เพียงบางส่วน

คำสั่ง limit ใช้เวลาดำเนินการ 77 ms ในขณะที่คำสั่ง market จะอยู่ที่ 100 ms โปรดดูตารางเปรียบเทียบความเร็วในการดำเนินการของ Pepperstone กับโบรกเกอร์ชั้นนำอื่นๆ ในประเทศไทยจากด้านล่างนี้

รีวิว Pepperstoneเยี่ยมชม Pepperstone

XM เป็นอีกโบรกเกอร์ที่มีข้อเสนอโบนัสเงินฝากที่สูงที่สุดถึง $10,000 นอกจากนี้ยังมีโบนัส $50 แบบไม่ต้องฝากและโบนัส 100% พร้อมเงินคืนไม่จำกัด รวมทั้งมีวิธีอื่นๆ ในการรับโบนัส เช่น การแข่งขันของ XM การแนะนำเพื่อน หรือผ่านโปรแกรมความภักดี

ด้วยความเป็นโบรกเกอร์เทรด forex สเปรดต่ำของ XM ซึ่งเริ่มต้นที่ 0.8 และไม่มีค่าธรรมเนียมในทุกบัญชี ทำให้พวกเขาเป็นตัวเลือกที่ดีในการลดค่าใช้จ่ายในการเทรด

นอกจากนี้เลเวอเรจที่ 1,000:1 ยังช่วยเพิ่มทุนในการเทรด และเพิ่มโอกาสในการทำกำไรที่มากขึ้น และอัตราการเติมคำสั่งที่ 99.35% ยังแสดงถึงการดำเนินการที่เกือบสมบูรณ์แบบและตามราคาที่เสนอ ซึ่งช่วยในคาดการณ์กำไรที่แม่นยำยิ่งขึ้นอีกด้วย

XM เสนอโบนัสรวมทั้งหมด $10,500 สำหรับทั้งเทรดเดอร์ใหม่และเก่า ซึ่งช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการเทรดและศักยภาพในการทำกำไรของคุณ นี่คือข้อเสนอโบนัสที่ผมพบใน XM:

1. โบนัส $50 แบบไม่ต้องฝากเงิน โดยสมาชิกใหม่ทุกคนมีสิทธิ์ได้รับ $50 ฟรี เพื่อเริ่มการเทรดกับ XM
2. โบนัสการฝากตามระดับ รับโบนัสฝาก 100% สูงสุดที่ $500 หรือเทียบเท่าสำหรับการฝากครั้งแรกที่น้อยกว่า $1,000 และรับเพิ่มอีก 20% จากยอดฝากครั้งแรก สูงสุดถึง $10,000
3. โบนัส 100% + เงินคืนไม่จำกัด รับเงินคืน $250 สำหรับการเทรดทุก 50 ล็อต และรับโบนัส 100% เพิ่มเติมจากเงินฝากของคุณ สูงสุดที่ $500
4. การแข่งขันของ XM รับส่วนแบ่งจากรางวัลประจำเดือนรวม $150,000 เมื่อคะแนนของคุณอยู่ในอันดับต้นๆ ของตารางการแข่งขัน เงินสดนี้สามารถถอนออกได้ และไม่มีค่าธรรมเนียมในการเข้าร่วม
5. โปรแกรมความภักดีของ XM เก็บคะแนนรางวัลจากทุกการเทรดบน XM เพื่อนำไปแลกเป็นโบนัสเครดิตในการเทรด Forex ของคุณ

นอกเหนือจากข้อเสนอโบนัสที่น่าสนใจเหล่านี้ ยังมีเหตุผลอื่นๆ ที่ทำให้ผมอยากแนะนำให้คุณเทรดกับ XM:

เทรดบน XM โดยปราศจากค่าธรรมเนียม

เหมือนกับผู้ให้สภาพคล่องส่วนใหญ่ XM นำเสนอบัญชีที่ไม่มีค่าธรรมเนียม โดย XM มีบัญชี 3 ประเภทที่แตกต่างกัน ได้แก่ Micro, Standard, และ Ultra Low ซึ่งผมจะอธิบายรายละเอียดดังต่อไปนี้

บัญชี Micro

บัญชี Micro ของ XM มีสเปรดเฉลี่ยเริ่มต้นที่ 1.6 pips เลเวอเรจสูงสุดถึง 1,000:1 และขนาดล็อตสัญญาถูกจำกัดไว้ที่ 1000/ล็อต ช่วยคุณในการลดความเสี่ยงจากการเทรดปริมาณสูง

การทำ Hedging ช่วยให้เทรดเดอร์มือใหม่สามารถจัดโครงสร้างการเทรดเพื่อป้องกันตัวเองจากความไม่แน่นอนในตลาด นอกจากนี้พวกเขายังสามารถทำกำไรในการเทรดระยะยาวด้วยการเทรดที่มีสวอปเป็นบวก และสำหรับเทรดเดอร์ที่ปฏิบัติตามหลักอิสลาม สามารถเลือกที่จะไม่เสียค่าธรรมเนียมนี้ได้ด้วยบัญชีแบบไม่มีสวอป

บัญชี Standard

บัญชี Standard ของ XM มีสเปรดเริ่มต้นที่ 1.6 pips และเลเวอเรจสูงสุดถึง 1000:1 เช่นกัน ข้อแตกต่างคือ ขนาดล็อตที่ใหญ่กว่า จำนวน 100,000/ล็อต เนื่องจากบัญชีนี้รองรับการสวอปในการเทรดระยะยาว ผมจึงคิดว่านี่เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่สนใจการเทรดด้วยสวอปและต้องการทำกำไรจากล็อตที่ใหญ่ขึ้น

บัญชี Ultra Low

บัญชี Ultra Low ถูกแบ่งออกเป็นสองประเภท คือ Micro และ Standard ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวระหว่างสองบัญชีนี้คือขนาดล็อต โดย 1,000/ล็อต สำหรับ Micro และ 100,000/ล็อต สำหรับ Standard ช่วยให้คุณมีความยืดหยุ่นในการจัดการขนาดตำแหน่งตามทุนรวมในบัญชีของคุณ ขนาดล็อตที่เล็กกว่าจะช่วยให้คุณจัดการความเสี่ยงได้ดีขึ้น และสามารถเสริมได้ด้วยการทำ Hedging ในการเทรด

นอกจากนี้ ทั้งสองบัญชียังมีสเปรดขั้นต่ำเริ่มต้นที่ 0.8 pips และใช้ประโยชน์จากเลเวอเรจ 1,000:1 ได้ด้วย ส่วนข้อแตกต่างจากบัญชีอื่น คือ บัญชี Ultra Low ไม่มีค่าธรรมเนียมสวอป ดังนั้น ค่าธรรมเนียมการเทรดข้ามคืนจะลดลงเป็นอย่างมาก

XM ไม่มีการรีโควต การปฏิเสธ หรือการเติมเต็มคำสั่งเพียงบางส่วน

XM มีข้อได้เปรียบในการเติมคำสั่งการเทรดด้วยโครงสร้างแบบ Dealing Desk (DD) โดยมีอัตราการเติมคำสั่งอยู่ที่ 99.35% ซึ่งถือว่าเกือบจะสมบูรณ์แบบ และไม่มีการรีโควตหรือการปฏิเสธใดๆ แสดงให้เห็นถึงความโปร่งใสและระดับความไว้วางใจในการให้บริการของพวกเขา

และถึงแม้ว่าโบรกเกอร์แบบ DD มักมีปัญหาเรื่องความล่าช้า แต่ XM ก็ยังคงโดดเด่นด้วยการให้บริการที่ใช้เวลาต่ำกว่า 1 วินาที เทียบกับโบรกเกอร์แบบ NDD และ ECN ความเร็วในการดำเนินการที่รวดเร็วนี้มีความสำคัญในการลดความคาดเคลื่อนและรักษาการคาดการณ์กำไรของคุณ

Tickmill มีข้อเสนอโบนัสต้อนรับ $30 ตั้งแต่เริ่มต้นสำหรับบัญชีต้อนรับพิเศษในสกุลเงิน USD ซึ่งช่วยเพิ่มทุนในการเทรดของคุณ สำหรับเทรดเดอร์ที่มีความภักดีและทำผลงานได้ดี ผมชอบที่พวกเขามีการมอบเงินสด $1,000 ภายใต้โปรแกรม Trader of the Month นอกจากนี้ ผู้ที่ใช้แพลตฟอร์ม MT4 และ MT5 ยังสามารถรับเงินคืนมากขึ้นผ่านบัญชี “Rebate Promotion” ได้อีกด้วย

นอกจากโบนัสที่ยอดเยี่ยมแล้ว Tickmill ยังมีแพลตฟอร์มการเทรดที่หลากหลาย ทั้ง MetaTrader 4 และ 5 รวมถึง Tickmill Trader ของตัวเอง ผมชื่นชอบที่มันมีเลเวอเรจสูงถึง 1,000:1 ในขณะที่ค่าเฉลี่ยในอุตสาหกรรมมักจะอยู่ที่ประมาณ 500:1 หรือต่ำกว่า

ในฐานะเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์มายาวนาน ผมชอบโบนัส Trader of the Month ที่มอบเงินสดมากถึง $1,000 เป็นพิเศษ สิ่งที่คุณต้องทำคือเทรดให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้และแซงคู่แข่งของคุณในตารางคะแนนเพื่อชิงรางวัลเงินสดสุดท้ายในทุก ๆ เดือน

นอกจากนี้ ผมยังพบว่าพวกเขามีโปรโมชั่นอื่น ๆ ที่คุณสามารถใช้ประโยชน์ได้:

1. บัญชีต้อนรับ $30 – เทรดเดอร์รายใหม่ที่ลงทะเบียนกับ Tickmill จะได้รับโบนัส $30 ในบัญชีต้อนรับพิเศษที่มีสเปรด RAW และสกุลเงินฐานเป็น USD
2. การคาดการณ์ NFP ของ Tickmill – คาดการณ์ราคาของสินทรัพย์ที่เลือกบนแพลตฟอร์ม MT4/MT5 ในช่วงการปล่อยรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร (NFP) ของสหรัฐในวันศุกร์แรกของทุกเดือนเพื่อรับรางวัลเงินสด $500
3. บัญชี Rebate Promotion – แปลงบัญชี MT4/MT5 ของคุณเป็นบัญชี “Rebate Promotion” และเพลิดเพลินกับ rebate และ cashback ในขณะที่คุณเทรด Forex
4. Tickmill IB Grand Prix – แนะนำและรับคะแนนต่อล็อตที่เทรดโดยผู้ที่คุณแนะนำเพื่อเคลื่อนที่ตาม “เส้นทาง” ที่กำหนดไว้ของคุณ ไปถึงเส้นชัยเป็นคนแรกเพื่อรับรางวัล $8,000 จากรางวัลรวม $25,000

แม้ว่าโบรกเกอร์นี้จะมีโบนัสที่เอื้อเฟื้อสำหรับผู้ใช้ แต่ผมพบว่ารางวัลไม่ใช่สิ่งดึงดูดเพียงอย่างเดียวที่นี่ นี่คือฟีเจอร์การเทรดของ TIckmill บางประการที่ผมพบว่ามีประโยชน์สำหรับ Forex:

Tickmill มีเลเวอเรจสูงถึง 1,000:1

ไม่เหมือนกับโบรกเกอร์อื่น ๆ ที่จำกัดเลเวอเรจไว้ที่ 500:1 Tickmill มีเลเวอเรจสูงถึง 1,000:1 ซึ่งหมายความว่าคุณจะสามารถเปิดล็อตขนาดใหญ่ในคู่ Forex ของคุณได้ สร้างกำไรที่มากขึ้นจากงบลงทุนที่น้อยกว่า

สิ่งนี้ใช้ได้กับทุกประเภทบัญชีของพวกเขา – บัญชี MT4/MT5 Standard หรือ RAW และบัญชี Tickmill Trader RAW

1. บัญชี MT4/MT5 Standard – บัญชี Standard มีสเปรดเริ่มต้นที่ 1.6 pips ไม่มีค่าคอมมิชชั่น พร้อมเลเวอเรจ 1,000:1 คุณสามารถเทรดคู่ Forex ทั้งหมด 62 คู่ได้ที่นี่
2. บัญชี MT4/MT5 RAW – สเปรดในบัญชี RAW เริ่มต้นที่ 0 pips มีค่าคอมมิชชั่น $3 ต่อฝั่ง ทุกกลยุทธ์ได้รับอนุญาต และคุณสามารถใช้ประโยชน์จากเลเวอเรจ 1,000:1 ได้เช่นกัน
3. บัญชี Tickmill Trader RAW – เทรดสเปรด RAW FX ของ Tickmill เริ่มต้นที่ 0 pips ในสกุลเงิน USD พร้อมเลเวอเรจ 1,000:1 เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ที่ต้องการโฟกัสไปที่คู่ USD ที่ต้นทุนต่ำกว่า

Tickmill มีเครื่องมือการเทรดที่หลากหลาย

สำหรับเทรดเดอร์ที่ใช้เดสก์ท็อป Tickmill มีเครื่องมือการเทรดหลากหลายที่ช่วยสนับสนุนการวิเคราะห์ตลาดและการวางแผนกลยุทธ์ของคุณ เครื่องมือบางอย่างที่ผมพบว่ามีประโยชน์ในการเทรดของผม ได้แก่:

• ปฏิทินเศรษฐกิจ
• เครื่องมือช่วยสำหรับการเทรดขั้นสูง
• Signal Centre
• Market Sentiment
• พอดแคสต์ Bright Minds
• Capitalise.ai

ผมพบว่า Capitalise.ai มีประโยชน์มากในการสร้างสคริปต์การทำงานอัตโนมัติด้วยภาษาธรรมชาติ แทนที่จะใช้คำศัพท์การเขียนโค้ดที่ซับซ้อน ซึ่งเป็นข้อดีสำหรับมือใหม่ นอกจากนี้ เครื่องมือ Market Sentiment ยังช่วยชี้นำผมไปในทิศทางของการเทรดที่มีกำไรและสินทรัพย์ที่กำลังเป็นที่สนใจของเทรดเดอร์ผู้มีประสบการณ์

แม้ว่า Exness จะมีโบนัสต้อนรับ Forex และรางวัลเงินสดอื่น ๆ เป็นครั้งคราว แต่ผมสนใจโปรแกรมพันธมิตรที่ให้ผลตอบแทนสูงของ Exness มากกว่า โดยมีสองรูปแบบ คือ โมเดลแบ่งกำไรและการจ่ายเงินตามจำนวนการแนะนำ ซึ่งผมมองว่ามีความยืดหยุ่นและรองรับเทรดเดอร์หลากหลายระดับ

นอกจากนี้ Exness ยังมีการเทรดที่ไม่มีค่าธรรมเนียมสวอปข้ามคืน ซึ่งเป็นข้อดีสำหรับเทรดเดอร์ชาวมุสลิมและมือใหม่ บัญชี Standard Cent ของพวกเขา ผมถือว่าเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับเทรดเดอร์หน้าใหม่ที่ต้องการเริ่มต้นในตลาด Forex ด้วยความเสี่ยงและต้นทุนที่ต่ำ อีกทั้ง Exness ยังมีสเปรดที่แคบที่สุดสำหรับทองคำ ทำให้การเทรดสินทรัพย์ปลอดภัยในตลาดนี้ทำได้ง่ายขึ้นแม้จะมีทุนไม่มาก

คุณสามารถรับโบนัสเงินสดได้ผ่านโปรแกรมโบนัสพันธมิตร Exness Partnership ได้สองวิธี:

1. การแบ่งกำไร 40% – คุณจะได้รับส่วนแบ่งกำไรสูงสุดถึง 40% จากกำไรที่ Exness ทำได้จากผู้ที่คุณแนะนำ ยิ่งพวกเขาเทรดมากเท่าไร โบนัสที่คุณได้รับต่อคนก็ยิ่งสูงขึ้น
2. $1850 ต่อการแนะนำหนึ่งคน – คุณจะได้รับ $1850 สำหรับผู้ที่คุณแนะนำซึ่งมีการฝากขั้นต่ำ $10 ยิ่งพวกเขามีการเทรดอย่างต่อเนื่อง คุณก็ยิ่งมีโอกาสได้รับโบนัสเพิ่มเติม

โดยส่วนตัวแล้ว ผมมองว่าโปรแกรมนี้ทำกำไรได้มากกว่าเมื่อเทียบกับโบนัสเล็กน้อยที่โบรกเกอร์ส่วนใหญ่มอบให้ รายได้ที่ได้รับจากโปรแกรมนี้ช่วยเพิ่มทุนการเทรดของคุณอย่างมาก และโบนัสเพิ่มเติมใด ๆ ยังช่วยเพิ่มศักยภาพของทุนคุณอีกด้วย

คุณสมบัติอื่น ๆ ของ Exness ที่ผมพบว่ามีประโยชน์สำหรับเทรดเดอร์ชาวไทย ได้แก่

Exness ไม่มีค่าธรรมเนียมข้ามคืน

สำหรับเทรดเดอร์ที่ชอบถือออเดอร์ Forex ระยะยาว คุณจะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในรูปแบบของค่าธรรมเนียมสวอป ทำให้บัญชีทั้งหมดของ Exness เหมาะสำหรับการเทรดตามหลักชะรีอะห์/อิสลาม โบรกเกอร์ส่วนใหญ่มักจะมีบัญชีปลอดค่าธรรมเนียมสวอปแยกต่างหากที่ต้องร้องขอ แต่ Exness ให้บริการนี้สำหรับลูกค้าทุกคน

คู่สกุลเงิน 22 คู่ ดัชนีทั้งหมด สกุลเงินดิจิทัล รวมถึงทองคำและน้ำมัน สามารถเทรดได้โดยไม่มีค่าธรรมเนียมข้ามคืน

Exness มีสเปรดทองที่ดีที่สุด

ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย มีศักยภาพในการช่วยรักษาเสถียรภาพของพอร์ตโฟลิโอของคุณ แม้ว่าคุณจะเทรดในตลาดที่มีความผันผวน ด้วยค่าเฉลี่ยสเปรด 11.2 pips เมื่อเทียบกับ USD, 229.6 pips เมื่อเทียบกับ GBP, 230.4 pips เมื่อเทียบกับ Euro และ 317.8 pips เมื่อเทียบกับ AUD Exness มีสเปรดที่ดีที่สุดในตลาด

สินค้าโภคภัณฑ์อื่น ๆ ที่มีใน Exness ได้แก่

นอกจากโดดเด่นในการเทรดทองคำแล้ว คุณยังสามารถเทรดตลาดอื่นๆ ได้แก่

• CFD Forex 98 รายการ
• CFD โลหะ 10 รายการ
• CFD หุ้น 98 รายการ
• CFD ดัชนี 10 รายการ
• CFD คริปโต 34 รายการ

เมื่อคุณทำการเทรดกับ Exness คุณสามารถเลือกระหว่างบัญชี Standard และ Pro สำหรับการเทรดที่ไม่มีค่าคอมมิชชัน รวมถึงบัญชี RAW Spread และ Zero Account สำหรับการเทรดที่มีค่าคอมมิชชัน

บัญชี Standard มีสเปรดเริ่มต้นที่ 0.3 pips และบัญชี Pro เริ่มต้นที่ 0.1 pips ความแตกต่างหลักระหว่างสองบัญชีนี้คือจำนวนเงินฝาก และบัญชี Pro มีการดำเนินการแบบทันทีแทนที่จะเป็นการดำเนินการตามตลาด

อีกสองบัญชีมีสเปรดเริ่มต้นที่ 0 pips โดยบัญชี RAW Spread มีค่าคอมมิชชัน $7.00 ต่อล็อตที่ทำการเทรดแบบรอบ (ทั้งเปิดและปิด) และบัญชี Zero รับประกันสเปรด 0 pips ใน 30 ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มีให้เทรดสูงสุด ตลอด 95% ของช่วงเวลาทั้งหมด

eToro ถือเป็นโบรกเกอร์ที่ดีที่สุดสำหรับเทรดเดอร์ที่โฟกัสไปที่คริปโตและ CFD ที่เกี่ยวข้อง เพราะมีโบนัสการทำ Staking สำหรับสินทรัพย์คริปโตที่เลือก ซึ่งมีผลตอบแทนสูงสุดถึง 90% จากการทำ Staking คริปโตของคุณ สำหรับเทรดเดอร์ที่ชื่นชอบการทำ Copy Trade คุณสามารถเข้าร่วมโปรแกรม Popular Investor ที่ให้รางวัลคุณสูงสุดถึง 1.5% ต่อปีจากสินทรัพย์ทั้งหมดที่มีให้คัดลอก

แม้ว่า eToro จะเน้นที่การเทรดคริปโต ด้วยสินทรัพย์คริปโต 101 ประเภท แต่พวกเขาก็เสนอสกุลเงิน FX ที่คัดสรรมาอย่างดีถึง 55 คู่ และสินทรัพย์อื่นๆ อีกมากกว่า 6,000 รายการ ซึ่งผมมองว่านี่คือโอกาสที่ดีในการกระจายพอร์ตการลงทุนของคุณ นอกจากนี้ eToro ยังเป็นแพลตฟอร์ม Social Trading ที่ยอดเยี่ยม ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถแชร์กลยุทธ์ พูดคุยเกี่ยวกับตลาด และมีส่วนร่วมการทำ copy trade ได้

ผมมองว่าโปรแกรมการทำ Staking ของคริปโตใน eToro เป็นหนึ่งในโปรแกรมโบนัสที่ทำกำไรได้มากที่สุด ถือเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักเทรด Forex ที่ต้องการกระจายการลงทุนในคริปโต แม้แต่มือใหม่ที่ต้องการเข้าสู่ตลาดคริปโตก็สามารถทำกำไรได้เช่นกัน โดยมีผลตอบแทนสูงสุดถึง 90% จากคริปโตในระบบการแจกจ่ายตามระดับ ด้านล่างนี้คือรายละเอียดเปอร์เซ็นต์การแจกจ่ายทั้งหมด:

ไม่เพียงแต่คุณสามารถนำผลตอบแทนเหล่านี้ไปลงทุนซ้ำในตลาดที่เปิดอยู่ แต่คุณยังสามารถแปลงโบนัสคริปโตของคุณเป็นทุนเพื่อการเทรด Forex ได้อีกด้วย แน่นอนว่า มันจะช่วยขยายการควบคุมตลาดและอัตรากำไรของคุณทีเป็นไปได้เพิ่มขึ้นไปอีก

หากคุณเป็น copy trader และมีกลยุทธ์การเทรดที่ประสบความสำเร็จ คุณสามารถรับโบนัส 1.5% ต่อปีจากกลยุทธ์ทั้งหมดที่เปิดให้ทำการ copy trade กับ eToro ขอย้ำว่า นี่คือเงินทุนเพิ่มเติมที่คุณสามารถนำกลับมาใช้ในการเทรด Forex ของคุณได้
นอกจากโบนัสแล้ว ยังมีฟีเจอร์การเทรดอีกสองอย่างที่ผมพบว่ามีประโยชน์ที่นี่:

Smart Portfolios ของ eToro

Smart Portfolios คือ การรวมกลุ่มหุ้นดัชนีที่สร้างขึ้นล่วงหน้าโดยนักวิเคราะห์และพันธมิตรของ eToro โดยอิงจากแนวโน้มตลาด ผมอยากให้คุณลองคิดว่า มันเป็นการสร้างตะกร้าหุ้นที่พร้อมใช้งานตามธีมที่กำหนด โดยที่คุณลงทุนเงินของคุณ และ eToro จะกระจายเงินทุนไปยังสินทรัพย์ต่างๆ ตามการวิเคราะห์ของพวกเขา สิ่งที่ผมชอบเป็นพิเศษคือ eToro ไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมจากการจัดการพอร์ตโฟลิโอในบริการนี้

คุณสมบัติหลักที่ผมเห็นว่าน่าสนใจ ได้แก่:

• พอร์ตโฟลิโอที่มีธีม เช่น เทคโนโลยี, AI และ FinTech สำหรับการลงทุนในอุตสาหกรรมที่คุณเชื่อมั่น
• การปรับสมดุลอัตโนมัติเพื่อรักษากลยุทธ์ที่ตั้งใจไว้
• เงินลงทุนขั้นต่ำ $500 เพื่อครอบคลุมสินทรัพย์ทั้งหมดในพอร์ตโฟลิโอ

จากประสบการณ์ของผม พอร์ตโฟลิโอเหล่านี้เป็นสิ่งที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นคุณจะเป็นหน้าใหม่เรื่องการลงทุนหรือเป็นเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ซึ่งกำลังมองหาแนวคิดใหม่ๆ ในการจัดสรรสินทรัพย์

eToro Copy Trading

ฟีเจอร์ Copy Trading ของ eToro ช่วยให้คุณสามารถเลียนแบบการเทรดของเทรดเดอร์คนอื่นที่ประสบความสำเร็จในชุมชน eToro ได้แบบเรียลไทม์โดยอัตโนมัติ มันทำได้ง่ายมาก คุณเลือกเทรดเดอร์ที่คุณชอบกลยุทธ์ของพวกเขา และเมื่อพวกเขาทำการเทรด บัญชีของคุณจะทำการเทรดเดียวกันตามสัดส่วนที่กำหนดโดยอัตโนมัติ ผมพบว่าฟีเจอร์นี้มีประโยชน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่กำลังเรียนรู้การเทรด

ข้อดี ได้แก่:

• การคัดลอก/ยกเลิกทันทีด้วยคลิกเดียว
• ไม่มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมนอกเหนือจากสเปรด/ค่าคอมมิชชันมาตรฐาน
• เลือกคัดลอดการเทรดจากเทรดเดอร์มืออาชีพหลายพันคน
• เงินลงทุนขั้นต่ำ $200

แม้ว่าผมจะเป็นแฟนของฟีเจอร์นี้ แต่ต้องจำไว้ว่าการคัดลอกผู้อื่นไม่ได้เป็นเส้นทางที่รับประกันผลกำไรเสมอไป ควรทำการวิเคราะห์เกี่ยวกับเทรดเดอร์ที่คุณกำลังพิจารณาและเข้าใจกลยุทธ์ของพวกเขาด้วย

eToro Social Trading

คิดซะว่า eToro’s social trading เป็นการผสมผสานระหว่างแพลตฟอร์มการเทรดและโซเชียลมีเดีย มีการแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกและกลยุทธ์จากผู้ใช้หลายล้านคนจากกว่า 140 ประเทศทั่วโลก ผมพบว่ามันช่วยสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่ไม่เหมือนใครสำหรับเทรดเดอร์ทุกระดับ และฟีดของ eToro ก็ช่วยให้ผมเห็นว่าเทรดเดอร์คนอื่นกำลังทำอะไรและแบ่งปันไอเดียการเทรดอย่างไรบ้าง

ฟีเจอร์ที่ผมพบว่ามีประโยชน์ที่สุด:

• ติดตาม เรียนรู้จากการเคลื่อนไหว และข้อมูลเชิงลึกของเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ
• โปรแกรมรางวัลสำหรับเทรดเดอร์ที่แบ่งปันกลยุทธ์การเทรดที่มีประสิทธิภาพ
• ฟีดข่าวแสดงการสนทนาเกี่ยวกับตลาดและไอเดียการเทรด
• การสนทนาในชุมชนเกี่ยวกับแนวโน้มตลาด

จากประสบการณ์ของผม ฟีดโซเชียลเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการทำความเข้าใจในอารมณ์ตลาด แต่ผมขอแนะนำว่าไม่ควรตัดสินใจเทรดเพียงแค่จากการพูดคุยในโซเชียล โปรดใช้มันเป็นเพียงหนึ่งข้อมูลในกระบวนการตัดสินใจของคุณเท่านั้น

จากโบรกเกอร์ทั้งหมดที่นี่ ผมพบว่า OANDA มีโบนัสการลงทะเบียนสูงสุดถึง $888 อย่างไรก็ตาม พวกเขามีเงื่อนไขการเทรดและจำนวนเงินฝากขั้นต่ำที่คุณต้องทำให้ครบก่อนที่จะได้รับโบนัสนี้ นอกจากนี้ ผมยังพบว่าส่วนลดตามปริมาณการเทรดอาจเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่มีประสบการณ์ที่ต้องการกระจายการลงทุนของพวกเขาไปยังตลาดต่างๆ อีกด้วย

OANDA ยังสัญญาว่าจะไม่มีค่าคอมมิชชันในบัญชีทุกประเภท และมีสเปรดเริ่มต้นต่ำเพียง 0.1 pips และยังพร้อมด้วยเครื่องมือการเทรดต่างๆ เช่น MetaTrader 4, MetaTrader 5 และ โอเวอร์เลย์การวิเคราะห์ตลาดเชิงเทคนิค OANDA Labs ของ OANDA เอง

OANDA มีโบนัสต้อนรับสูงสุดถึง $888 สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนใหม่ หากตรงตามเงื่อนไขตามที่ระบุไว้ด้านล่าง:

มือใหม่อาจได้ประโยชน์จากการถึงขีดจำกัดที่ต่ำกว่าของข้อกำหนดเหล่านี้ แต่ผมรู้สึกว่านี่อาจเป็นข้อเสนอที่ดีกว่าสำหรับเทรดเดอร์ที่มีการซื้อขายตลาดที่สำคัญๆ โดยโบนัสเพิ่มเติม $888 นี้สามารถครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการเทรด หรือแม้กระทั่งเอามาเป็นงบประมาณการเทรด Forex ของคุณได้

นอกจากนี้ ผมยังพบฟีเจอร์ที่น่าสนใจอื่นๆ รวมถึงการคืนเงินตามปริมาณการเทรด ที่ OANDA เสนอ ซึ่งอยู่นอกเหนือจากโบนัสที่กล่าวมา

OANDA มีการเทรดที่มีค่าคอมมิชชันเป็นศูนย์

OANDA ไม่มีค่าคอมมิชชันในบัญชีทั้ง 3 ประเภท ได้แก่ Standard, Premium และ Premium Plus ซึ่งนี่คือข้อสรุปของผม:

1. Standard – สเปรดเริ่มต้นต่ำถึง 0.6 pips โดยไม่มีค่าคอมมิชชันสำหรับสินทรัพย์การเทรดมากกว่า 1,500 รายการ
2. Premium – สเปรดเริ่มต้นที่ 0.7 pips ไม่มีค่าคอมมิชชัน พร้อมเงินคืน $4 ต่อล้านดอลลาร์ จากการเทรดขั้นต่ำเดือนละ $20,000,000 ไม่มค่าธรรมเนียมการฝาก
3. Premium Plus – สเปรดต่ำสุดที่ 0.1 pips ไม่มีค่าคอมมิชชัน พร้อมคืนเงิน $6 ต่อล้านดอลลาร์ จากการเทรดขั้นต่ำเดือนละ $50,000,000 มีราคาประเภท RAW ไม่มีค่าธรรมเนียมการฝากและถอนเงิน และส่วนลดสเปรด

เนื่องจากบัญชีทั้งหมดไม่มีค่าคอมมิชชัน ผมจึงอยากขอแนะนำให้มือใหม่ลองใช้งานบัญชี Standard เนื่องจากบัญชีอื่นๆ มีเงื่อนไขการเข้าใช้งานที่ค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ซึ่งตั้งเป้าหมายในการซื้อขายล็อตขนาดใหญ่จะได้รับประโยชน์มากที่สุดจากบัญชีแบบ Premium Plus ที่มีการคืนเงินในสัดส่วนที่มากขึ้น โดยไม่มีค่าธรรมเนียมการฝากและถอน และส่วนลดสเปรดเพิ่มเติม ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายโดยรวมได้อย่างมาก

OANDA มีตัวเลือกแพลตฟอร์ม Forex ที่ดี

OANDA ไม่เพียงแต่มีแพลตฟอร์ม MetaTrader 4 และ MetaTrader 5 แต่ยังเครื่องมือสำหรับวิเคราะห์ทางเทคนิคที่มีรายละเอียดสูงของตนเอง นั่นคือ OANDA Labs และนี่คือการรีวิวแพลตฟอร์มเหล่านี้ของผม:

MetaTrader 4

MetaTrader 4 ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของเทรดเดอร์ Forex เนื่องจากเป็นแพลตฟอร์มการวิเคราะห์ที่มีความเสถียรและใช้งานได้หลากหลาย โดยมีฟีเจอร์ดังนี้:

• การตีกราฟอย่างละเอียด – อินดิเคเตอร์ในตัวมากกว่า 50 รายการ, 9 กรอบเวลา และแท่งเทียน 5 รูปแบบต่อสัปดาห์
• ทำการเทรดอัตโนมัติผ่าน Expert Advisor (EA)
• การวิเคราะห์แนวโน้มอัตโนมัติผ่าน Autochartist
• เครื่องมือแบบพรีเมี่ยมในตัว – การวิเคราะห์ Depth of Market, เครื่องมือและโอเวอร์เลย์เพิ่มเติมสำหรับมือถือ และการแสดงผลในเทอร์มินัลสำหรับบัญชีหลายประเภท

มือใหม่อาจจะได้ประโยชน์จากการทำงานอัตโนมัติของ Expert Advisor รวมถึงการวิเคราะห์แนวโน้มอัตโนมัติ ซึ่งช่วยในการวางแผนกลยุทธ์ให้ดีขึ้นและการดำเนินการสั่งซื้ออย่างแม่นยำ อย่างไรก็ตาม ด้วยการเข้าถึงคู่เงินที่จำกัดเพียง 48 คู่ อาจเป็นปัจจัยที่จำกัดสำหรับเทรดเดอร์ที่มีความชำนาญได้

MetaTrader 5

MetaTrader 5 เป็นการพัฒนาขึ้นจาก MetaTrader 4 โดยมีฟีเจอร์ดังต่อไปนี้สำหรับนักเทรด FX:

• การวิเคราะห์ตลาดขั้นสูง – อินดิเคเตอร์ทางเทคนิค 38 รายการ, เครื่องมือวิเคราะห์ 44 รายการ และกรอบเวลา 21 รายการ
• การเข้าถึง Depth of Market
• ปฏิทินเศรษฐกิจในตัว

แม้ว่า MetaTrader 5 จะมี Expert Advisors (EAs) และ Autochartist เช่นเดียวกับ MT4 แต่ผมพบว่า MT5 สามารถวิเคราะห์ตลาดได้ดีกว่า จากการใช้งาน Depth of Market และปฏิทินเศรษฐกิจที่มีอยู่ในตัว นอกจากนี้ ด้วย 21 กรอบเวลายังช่วยให้มองเห็นการเคลื่อนไหวของตลาดในช่วงเวลาต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์การเทรดในจำนวนที่มากขึ้น

OANDA Labs

OANDA Labs เป็นระบบการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ค่อนข้างใหม่ซึ่งพัฒนาในองค์กร สำหรับใช้งานร่วมกับบัญชี MT4 และ MT5 ของ OANDA เครื่องมือที่ผมพบว่ามีประโยชน์ ได้แก่:

• สมุดบันทึกคำสั่งซื้อและตำแหน่งของ OANDA
• การวิเคราะห์อารมณ์ตลาด
• ตัวชี้วัดความแข็งแกร่งของสกุลเงิน
• กราฟแสดงความผันผวน
• ดุลพลังของสกุลเงิน

เครื่องมือเหล่านี้ช่วยในการปรับกลยุทธ์การเทรดของผมได้อย่างมาก รวมทั้งช่วยในการระบุสินทรัพย์ที่มีความต้องการสูงสุด ซึ่งส่งผลต่อการเลือกวิธีการเทรดและสินทรัพย์ที่ต้องการเทรดของผม ผมคิดว่าการวิเคราะห์นี้จะเป็นประโยชน์ทั้งกับเทรดเดอร์มือใหม่และเทรดเดอร์ผู้เชี่ยวชาญ โดยเฉพาะหากคุณต้องการปรับกลยุทธ์ Forex ที่คุณใช้อยู่ในปัจจุบัน

แม้ว่า FBS จะไม่มีข้อเสนอโบนัสต้อนรับในตอนนี้ แต่ผมพบว่าโบรกเกอร์มีโบนัสสำหรับพันธมิตรที่ใช้ค่าคอมมิชชันจากสเปรด ซึ่งให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจและสามารถช่วยเพิ่มยอดเงินทุน Forex ของคุณ โดยมีค่าคอมมิชชันสูงถึง 43% ซึ่งผมถือว่าค่อนสูงข้างมาก

นอกจากโบนัสนี้แล้ว FBS ยังมีเลเวอเรจที่สูงถึง 3000:1 ซึ่งถือเป็นระดับที่สูงที่สุดในอุตสาหกรรม และไม่มีค่าคอมมิชชันเมื่อทำการเปิดหรือปิดคำสั่งซื้อ ที่สำคัญ ผมชื่นชอบตัวเลือกในการถอนเงินทันทีและค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมที่ต่ำสำหรับการฝากเงินเป็นอย่างมาก

ในโปรแกรมพันธมิตรของ FBS คุณจะได้รับโบนัสค่าคอมมิชชันจากสเปรดตามเกรด FBS Partner ของคุณ ซึ่งมีตั้งแต่ 1 ถึง 6 โดยเกรดเหล่านี้จะขึ้นอยู่กับรายได้ค่าคอมมิชชันรวมของคุณในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาและจะมีการคำนวณใหม่ในวันแรกของแต่ละเดือน

เกรด 1 จะทำให้คุณได้รับ 30% ของสเปรด ในขณะที่เกรด 6 จะทำให้คุณได้รับ 43% ของสเปรด อย่างไรก็ตาม มูลค่าของมันจะแปรผันตามราคาสินทรัพย์ในปัจจุบันแบบเรียลไทม์

อีกสองฟีเจอร์ของ FBS ที่ผมให้ความสนใจก็คือ:

FBS มีการเทรดโดยไม่มีค่าคอมมิชชัน

FBS ไม่เรียกเก็บค่าคอมมิชชันจากบัญชีการเทรด ซึ่งมีสเปรดเริ่มต้นที่ต่ำมากเพียง 0.7 pips และกำหนดเงินฝากขั้นต่ำเพียง $5 เพื่อเริ่มต้นการเทรด Forex อีกทั้งยังมีช่องทางการชำระเงินกว่า 200 ช่องทาง โดยไม่มีค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม และปัจจัยเหล่านี้ทำให้พวกเขาเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าโดยเฉพาะสำหรับมือใหม่

FBS มีเลเวอเรจที่สูงที่สุดในอุตสาหกรรม โดยสูงสุดที่ 3,000:1 ซึ่งเลเวอเรจที่สูงนี้ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถควบคุมตำแหน่งในขนาดใหญ่ได้ด้วยเงินฝากที่ต่ำ

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่สิ่งนี้อาจเป็นข้อดีสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการเพิ่มผลกำไรจากการเทรด แต่ FBS ยังเพิ่มการช่วยเหลือเพื่อปกป้องเงินทุนของคุณ โดยได้ดำเนินการอีกหลายขั้นตอนเพื่อรักษาสมดุลของความเสี่ยง ผ่านการกำหนดขีดจำกัดเลเวอเรจเฉพาะขึ้นอยู่กับทุนของบัญชีของผู้ใช้ ตัวอย่างเช่น:

• บัญชีที่มีความทุนในช่วง $0–199** สามารถใช้เลเวอเรจสูงสุดที่ 3,000:1 (และ 1:2,000 สำหรับขนาด $ 200-1,999)
• เมื่อความมั่นคงเพิ่มขึ้น ขีดจำกัดเลเวอเรจจะลดลงไปต่ำสุดถึง 1:500 สำหรับบัญชีขนาด $ 5,000–29,999
• สำหรับบัญชีขนาด $30,000 – 149,999 เลเวอเรจจะถูกกำหนดไว้ที่ 1:200 และสำหรับบัญชีที่มีขนาดมากกว่า $150,000 เลเวอเรจจะอยู่ในช่วงจาก 1:5 ถึง 1:100

FBS มีเลเวอเรจคงที่ โดยเริ่มต้นที่ 1:100 และสูงสุดถึง 1:500 ขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์การเงิน เช่น โลหะ ดัชนี หุ้น และพลังงาน

หมายเหตุสำคัญ: เลเวอเรจสูงเช่นนี้อาจดูเหมือนเครื่องมือที่ทรงพลัง แต่สิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับคุณในฐานะเทรดเดอร์ โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นหน้าใหม่ในอุตสาหกรรม คือต้องระมัดระวัง! ด้วยเลเวอเรจที่สูงขนาดนี้ การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยบนกราฟสามารถทำให้ตำแหน่งของคุณถูกชำระบัญชีได้ในเสี้ยววินาที ด้วยเหตุนี้ ผมขอแนะนำให้คุณจำกัดเลเวอเรจของคุณ ใช้บัญชีไมโครหรือบัญชีทดลองหากคุณยังใหม่กับการเทรด