Forex คืออะไร คู่มือที่เข้าใจง่ายสำหรับเทรดเดอร์ชาวไทย

Forex คืออะไร โดยทั่วไปแล้วเราจะถือว่า Forex เป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งส่งผลกระทบต่อทุกอย่างตั้งแต่การใช้จ่ายในวันหยุดของคุณไปจนถึงนโยบายเศรษฐกิจทั่วโลก และในคู่มือนี้สำหรับมือใหม่ ผมจะอธิบายถึงหลักการของ Forex และช่วยให้คุณเข้าใจว่าการซื้อขายสกุลเงินนั้นทำงานอย่างไร

Updated:

What Changed?

Each month we update average spreads data published by the brokers the retail brokers lose %

Fact Checked

Written by Justin Grossbard

Edited by

Fact Checked by

เคยสงสัยไหมว่า ” Forex คืออะไร” Forex ซึ่งย่อมาจาก foreign exchange คือกระบวนการแลกเปลี่ยนสกุลเงินของประเทศหนึ่งเป็นอีกประเทศหนึ่ง เป็นกิจกรรมระดับโลกที่เกี่ยวกับการซื้อขายสกุลเงินระหว่างประเทศต่างๆ ซึ่งเกิดขึ้นในตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก

CONTENTS

พื้นฐานของการเทรด Forex

Forex คือการซื้อขายสกุลเงินในตลาดโลก สกุลเงินเหล่านี้มักจะเป็นสกุลเงินเฟียตหรือสกุลเงินที่รัฐบาลออกและรับรอง เช่น ดอลลาร์สหรัฐสำหรับสหรัฐอเมริกา เยนญี่ปุ่นสำหรับญี่ปุ่น และยูโรสำหรับประเทศในเขตยูโร

ในการเทรดฟอเร็กซ์คุณจะทำการเทรดสกุลเงินเป็นคู่ เช่น EUR/USD โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากมูลค่าของแต่ละสกุลเงินมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาจึงมีโอกาสทำกำไรจากการคาดการณ์ว่าสกุลเงินใดจะเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับสกุลเงินในคู่

แม้ว่าคุณอาจคิดว่าการเทรด Forex เกี่ยวข้องกับความต้องการในชีวิตจริง เช่น เงินใช้เดินทาง แต่ความจริงคือสิ่งนี้มีบทบาทเพียงเล็กน้อยในการกำหนดมูลค่าของสกุลเงิน การเทรด Forex นั้นเกี่ยวกับการเก็งกำไร โดยเทรดเดอร์จะซื้อสกุลเงินด้วยความหวังว่าจะขายในราคาที่สูงขึ้นเมื่อมูลค่าของมันเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น

พื้นฐานของการเทรด Forex

อัตราแลกเปลี่ยนเหล่านี้ถูกกำหนดโดยผู้ให้บริการสภาพคล่องและผู้มีส่วนร่วมในตลาดการซื้อขายฟอเร็กซ์ เช่น ธนาคารกลาง บริษัทการเงินขนาดใหญ่ และแม้กระทั่งเทรดเดอร์ทั่วไป โดยจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากตลาด Forex เป็นตลาดการเงินที่มีสภาพคล่องสูงที่สุด โดยมีการซื้อขายมากกว่า 7.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในแต่ละวัน ซึ่งมากกว่าตลาดหุ้นอย่างตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กที่มีการซื้อขายประมาณ 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อวันมากนัก

คู่สกุลเงิน: รากฐานของการเทรด Forex

ในการเทรด Forex สกุลเงินจะถูกเทรดเป็นคู่เสมอ สกุลเงินตัวแรกในคู่เรียกว่า “base currency” หรือสกุลเงินฐาน ส่วนสกุลเงินตัวที่สองเรียกว่า “quote currency” หรือสกุลเงินที่อ้างอิง ตัวอย่างเช่น ในคู่ USD/THB ดอลลาร์สหรัฐ (USD) คือสกุลเงินฐาน และบาทไทย (THB) คือสกุลเงินที่อ้างอิง

คู่สกุลเงินมักจะแบ่งออกเป็นสามกลุ่ม:

1. คู่หลัก (Major Pairs): เป็นคู่สกุลเงินที่มีการเทรดมากที่สุดในโลก โดยทั้งหมดจะมีดอลลาร์สหรัฐ (USD) คู่กับสกุลเงินหลักอื่นๆ คู่เหล่านี้ถือเป็นส่วนใหญ่การเทรด Forex ทั่วโลก ตัวอย่างได้แก่:

  • EUR/USD (ยูโร/ดอลลาร์สหรัฐ)
  • USD/JPY (ดอลลาร์สหรัฐ/เยนญี่ปุ่น)
  • GBP/USD (ปอนด์สเตอร์ลิง/ดอลลาร์สหรัฐ)
  • USD/CHF (ดอลลาร์สหรัฐ/ฟรังก์สวิส)

2. คู่รอง (Minor Pairs หรือ Cross Pairs): เป็นคู่สกุลเงินที่ไม่รวมดอลลาร์สหรัฐ แต่มีสกุลเงินหลักอื่น ๆ ร่วมอยู่ด้วย คู่เหล่านี้มีการเทรดน้อยกว่าคู่หลัก แต่ยังคงมีสภาพคล่องมาก ตัวอย่างได้แก่::

  • EUR/GBP (ยูโร/ปอนด์สเตอร์ลิง)
  • EUR/JPY (ยูโร/เยนญี่ปุ่น)
  • GBP/JPY (ปอนด์สเตอร์ลิง/เยนญี่ปุ่น)

3. คู่เงินเกิดใหม่ (Exotic Pairs): เป็นคู่ที่ประกอบด้วยสกุลเงินหลักคู่กับสกุลเงินของประเทศขนาดเล็กหรือประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ คู่เหล่านี้มีสภาพคล่องน้อยกว่าและอาจมีความผันผวนมาก ตัวอย่างได้แก่:

  • USD/THB (ดอลลาร์สหรัฐ/บาทไทย)
  • EUR/TRY (ยูโร/ลิร่าตุรกี)
  • USD/ZAR (ดอลลาร์สหรัฐ/แรนด์แอฟริกาใต้)

บาทไทยใน Forex

ในฐานะนักลงทุนชาวไทย คุณมีความได้เปรียบในการเข้าใจสิ่งที่มีผลต่อมูลค่าของเงินบาท ในโลกของ Forex เงินบาทจะถูกเรียกว่า “สกุลเงินเอ็กโซติก” ซึ่งหมายความว่ามันมีการซื้อขายน้อยกว่าสกุลเงินใหญ่ ๆ เช่น ดอลลาร์สหรัฐหรือยูโร

ต่อไปนี้เป็นคู่สกุลเงินที่พบบ่อยกับเงินบาท:

  • USD/THB: นี่คือคู่สกุลเงินที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับบาทไทย เนื่องจากดอลลาร์สหรัฐถูกเทรดเป็นอย่างมาก
  • EUR/THB: มันช่วยให้เราเห็นว่าการพัฒนาเศรษฐกิจในยุโรปอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยและสกุลเงินของไทยอย่างไร
  • JPY/THB: คู่นี้สำคัญเพราะญี่ปุ่นและไทยมีการแลกเปลี่ยนทางธุรกิจมากมาย

แต่ละคู่สกุลเงินเหล่านี้มีพฤติกรรมที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น คู่ USD/THB จะได้รับผลกระทบอย่างมากจากการเคลื่อนไหวของธนาคารกลางสหรัฐและสภาพของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย

อัตราการแลกเปลี่ยน: ราคาของเงินใน Forex

อัตราแลกเปลี่ยนมีความสำคัญอย่างมากในการเทรด Forex มันบอกให้คุณทราบว่าสกุลเงินหนึ่งมีค่าเทียบกับอีกสกุลเงินหนึ่งเท่าไร ตัวอย่างเช่น ถ้าอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับ USD/THB อยู่ที่ 35.50 หมายความว่า 1 ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ 35.50 บาทไทย อัตราเหล่านี้มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งสร้างโอกาสให้ผู้เทรด Forex ทำกำไรได้

Pips: การวัดการเคลื่อนไหวของราคาใน Forex

ใน Forex เราวัดการเคลื่อนไหวของราคาเป็น “pip” โดยทั่วไปแล้ว pip จะอยู่ที่ตำแหน่งทศนิยมที่สี่ในอัตราแลกเปลี่ยน ตัวอย่างเช่น ถ้า EUR/USD เคลื่อนที่จาก 1.1200 ไปที่ 1.1201 นั่นคือการเคลื่อนไหวหนึ่งพิป การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเหล่านี้มีความสำคัญต่อผู้เทรด Forex เนื่องจากสามารถกลายป็นยอดกำไรหรือขาดทุนจำนวนมากได้เมื่อทำการเทรดเป็นปริมาณมาก และการเคลื่อนไหวของราคาของ forex นี่เองที่ทำให้เกิดการซื้อขายหลากหลายสไตล์ เช่น day trading และ scalping trading เป็นต้น

สเปรด = ราคาเสนอขาย (Ask Price) - ราคาเสนอซื้อ (Bid Price)

เลเวอเรจ: การเทรดด้วยเงินที่ยืมมา

โบรกเกอร์ Forex หลายแห่งอนุญาติให้เทรดโดยใช้เลเวอเรจได่ เลเวอเรจเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการเทรด Forex ที่ช่วยให้คุณสามารถควบคุมตำแหน่งใหญ่ด้วยเงินทุนที่ค่อนข้างน้อย เหมือนกับการยืมเงินเพื่อทำการเทรดที่ใหญ่ขึ้น การใช้เลเวอเรจบางครั้งเรียกว่าการเทรด forex margin

ตัวอย่างเช่น หากคุณใช้เลเวอเรจ 100:1 คุณจะสามารถควบคุม 1,000,000 บาทในตลาดด้วยเงินของคุณเพียงแค่ 10,000 บาท

สิ่งนี้สามารถช่วยให้คุณทำกำไรได้มากขึ้น แต่จงระวังไว้ มันอาจทำให้คุณขาดทุนได้เร็วขึ้นเช่นกันหากการเทรดของคุณไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง

การเทรด Forex ทำงานอย่างไร

การ เทรด forex เกี่ยวข้องกับการซื้อสกุลเงินหนึ่งในขณะที่ขายอีกสกุลเงินหนึ่งในเวลาเดียวกัน โดยมีหน่วยการซื้อขายเป็นล็อต (lot) มันเหมือนกับการเปรียบเทียบสองสกุลเงินเพื่อดูว่าอันไหนแข็งแกร่งกว่า เป้าหมายของคุณคือทำกำไรจากความผันผวนในอัตราแลกเปลี่ยน

มาลองใช้ตัวอย่างที่พบบ่อยสำหรับนักลงทุนชาวไทย: USD/THB คู่สกุลเงินนี้เปรียบเทียบดอลลาร์สหรัฐกับบาทไทย

  • ถ้าคุณคิดว่าดอลลาร์สหรัฐจะแข็งค่าขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับบาทไทย คุณจะซื้อ USD/THB
  • ถ้าคุณคิดว่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ คุณจะขาย USD/THB

สิ่งที่ดีเกี่ยวกับ Forex คือคุณสามารถทำกำไรได้ไม่ว่าค่าสกุลเงินจะเพิ่มขึ้นหรือลดลง คุณเพียงแค่ต้องคาดการณ์ทิศทางที่ถูกต้อง และสามารถทำการเทรดด้วยตัวเอง หรือตั้งค่าการเทรดอัตโนมัติผ่าน EA ก็ได้เช่นกัน

การเปิดการเทรด

เมื่อคุณเปิดการเทรด คุณกำลังตัดสินใจเกี่ยวกับทิศทางที่คุณคิดว่าอัตราแลกเปลี่ยนจะเคลื่อนที่ไป

สมมติว่าคุณคิดว่าดอลลาร์สหรัฐจะแข็งค่าขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับบาทไทย คุณจะเปิดตำแหน่ง ‘ซื้อ’ (buy) ในคู่ USD/THB ซึ่งเรียกว่า ‘going long’

ในทางกลับกัน หากคุณคิดว่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ คุณจะเปิดตำแหน่ง ‘ขาย’ (sell) ในคู่ USD/THB ซึ่งเรียกว่า ‘going short’

ปัจจัยที่มีผลต่อมูลค่าสกุลเงิน

มูลค่าสกุลเงินมีการเปลี่ยนแปลงตามปัจจัยที่เชื่อมโยงกันหลายประการที่สามารถส่งผลต่ออุปสงค์และอุปทานในตลาดการเงินต่างประเทศ เช่นเดียวกับการขึ้นลงของราคาทองคำในการเทรดทอง การเข้าใจปัจจัยเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญในการทำความเข้าใจว่าอัตราแลกเปลี่ยนถูกกำหนดอย่างไร

อัตราดอกเบี้ย

อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นทำให้ผู้ให้กู้ได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าประเทศอื่นๆ ดังนั้น อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจึงดึงดูดเงินทุนต่างประเทศ ส่งผลให้สกุลเงินแข็งค่าขึ้น

ตัวอย่างเช่น หากธนาคารกลางสหรัฐเพิ่มอัตราดอกเบี้ย มันอาจดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศมากขึ้น ส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐ (USD) แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ

ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ

ข้อมูลเศรษฐกิจ เช่น การเติบโตของ GDP อัตราการว่างงาน และผลผลิต สามารถส่งผลกระทบต่อมูลค่าสกุลเงินได้อย่างมีนัยสำคัญ สภาพเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งมักนำไปสู่การแข็งค่าของสกุลเงิน

ตัวอย่างเช่น หากเขตยูโร (Eurozone) รายงานการเติบโตของ GDP ที่แข็งแกร่ง ยูโร (EUR) อาจแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ๆ เนื่องจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้น

ความมั่นคงทางการเมืองและสภาพเศรษฐกิจ

ประเทศที่มีรัฐบาลที่มั่นคงและสภาพเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งจะดึงดูดนักลงทุนต่างประเทศมากกว่า ขณะที่ความวุ่นวายทางการเมืองหรือความไม่มั่นคงสามารถนำไปสู่การลดค่าของสกุลเงิน

ตัวอย่างเช่น หากประเทศหนึ่งเผชิญกับความไม่สงบทางการเมือง สกุลเงินของประเทศนั้นอาจอ่อนค่าลงเมื่อผู้ลงทุนถอนเงินลงทุนออกไป เนื่องจากความกลัวต่อความไม่แน่นอน

อัตราเงินเฟ้อ

อัตราเงินเฟ้อที่ต่ำในประเทศมักนำไปสู่การที่มูลค่าของสกุลเงินเพิ่มขึ้น ขณะที่อัตราเงินเฟ้อที่สูงมักทำให้มูลค่าลดลง
ตัวอย่างเช่น หากญี่ปุ่นรักษาอัตราเงินเฟ้อไว้ในระดับต่ำ ขณะที่ประเทศอื่นประสบกับอัตราเงินเฟ้อสูง เยน (JPY) อาจแข็งค่าขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับสกุลเงินเหล่านั้น

การเก็งกำไร

เทรดเดอร์ในตลาด Forex มักจะทำการเก็งกำไรจากการเคลื่อนไหวในอนาคตของมูลค่าสกุลเงินตามตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจหรือเหตุการณ์ทางการเมืองที่คาดการณ์ไว้ หากเทรดเดอร์เชื่อว่ามูลค่าของสกุลเงินจะเพิ่มขึ้น พวกเขาจะซื้อสกุลเงินนั้น ส่งผลให้มูลค่าของมันเพิ่มขึ้น

ตัวอย่างเช่น หากนักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารแห่งอังกฤษ (Bank of England) จะเพิ่มอัตราดอกเบี้ย พวกเขาอาจเริ่มซื้อปอนด์ (GBP) ส่งผลให้สกุลเงินนั้นแข็งค่าขึ้นในระยะสั้น

ยอดดุลการค้า

ยอดดุลการค้า (ส่วนต่างระหว่างการนำเข้าแและส่งออก) ของประเทศ ก็สามารถส่งผลต่อมูลค่าสกุลเงินได้เช่นกัน โดยทั่วไปแล้ว ถ้ามีการเกินดุลการค้า (ส่งออกมากกว่านำเข้า) จะทำให้สกุลเงินแข็งค่าขึ้น ขณะที่ถ้ามีการขาดดุลการค้า (นำเข้ามากกว่าส่งออก) จะทำให้สกุลเงินอ่อนค่าลง

ตัวอย่างเช่น หากแคนาดามีความต้องการสูงสำหรับการส่งออกน้ำมัน นั่นอาจทำให้ดอลลาร์แคนาดา (CAD) แข็งค่าขึ้น

เวลาของตลาด Forex

ไม่เหมือนกับตลาดหุ้น ตลาด Forex เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมงในแต่ละวัน 5 วันต่อสัปดาห์ ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบโดยเฉพาะสำหรับนักลงทุนชาวไทย เพราะคุณสามารถเทรดในเวลาที่เหมาะกับตารางเวลาของคุณ

เวลาตลาด forex แบ่งออกเป็นสี่ช่วงการเทรดหลัก:

เวลาของตลาด Forex

วิธีเทรด Forex

มีผลิตภัณฑ์ทางการเงินหลายประเภทที่คุณสามารถใช้ในการเทรด Forex ได้ โดยแต่ละประเภทมีลักษณะและระดับความซับซ้อนที่แตกต่างกัน:

  1. Spot Forex: นี่คือรูปแบบการเทรด Forex ที่พบได้บ่อยที่สุด ซึ่งเกี่ยวข้องกับการซื้อหรือขายคู่สกุลเงินที่อัตราตลาดปัจจุบันเพื่อการส่งมอบทันที Spot Forex ได้รับความนิยมในหมู่เทรดเดอร์รายบุคคลเนื่องจากความเรียบง่ายและสภาพคล่องสูง
  2. Forex CFDs (Contract for Difference): CFDs ช่วยให้คุณเก็งกำไรเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของราคาสกุลเงินโดยไม่ต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์อ้างอิง คุณจะทำการวางเดิมพันว่าราคาจะขึ้นหรือลง CFDs มีเลเวอเรจ ซึ่งสามารถเพิ่มผลกำไรและขาดทุนได้
  3. Forex Futures: นี่คือสัญญามาตรฐานในการซื้อหรือขายสกุลเงินในปริมาณที่กำหนดในราคาที่กำหนดในวันที่อนาคต Futures มักถูกใช้โดยบริษัทเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากค่าเงิน แต่ก็มีการเทรดโดยนักเก็งกำไรด้วย
  4. Forex Options: Options ให้สิทธิ์คุณในการซื้อหรือขายคู่สกุลเงินในราคาที่กำหนดก่อนวันที่กำหนด แต่ไม่บังคับ พวกมันซับซ้อนกว่า แต่เสนอกลยุทธ์ที่ยืดหยุ่นสำหรับทั้งการป้องกันความเสี่ยงและการเก็งกำไร
  5. Forex ETFs (Exchange-Traded Funds): นี่คือกองทุนที่เทรดในตลาดหุ้นซึ่งติดตามสมรรถภาพของสกุลเงินใดสกุลหนึ่งหรือกลุ่มสกุลเงิน มันเป็นวิธีในการเข้าถึงตลาด Forex โดยไม่ต้องทำการเทรดโดยตรงในตลาด Forex

แต่ละวิธีมีบัญชีความเสี่ยง ความต้องการด้านทุน และระดับความซับซ้อนที่แตกต่างกัน ในฐานะนักลงทุนชาวไทย การเข้าใจความแตกต่างเหล่านี้จึงเป็นสิ่งสำคัญ และควรเลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุดกับเป้าหมายการเทรด ความสามารถในการรับความเสี่ยง และระดับประสบการณ์ของคุณ

แพลตฟอร์มการเทรด Forex

เพื่อเริ่มต้นการเทรด Forex คุณต้องหา โบรกเกอร์ forex ที่มีชื่อเสียงก่อน เมื่อคุณเลือกโบรกเกอร์ได้แล้ว คุณจะใช้แพลตฟอร์มการเทรดที่พวกเขาจัดให้ แพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมในหมู่เทรดเดอร์ชาวไทยได้แก่:

  1. MetaTrader 4 (MT4): แพลตฟอร์มมาตรฐานในอุตสาหกรรมที่มีอินเทอร์เฟสใช้งานง่ายและฟีเจอร์การเทรดอัตโนมัติ
  2. MetaTrader 5 (MT5): แพลตฟอร์มที่พัฒนาจาก MT4 โดย indicator และกราฟขั้นสูงยิ่งขึ้น
  3. cTrader: เป็นที่รู้จักในเรื่องของอินเทอร์เฟสที่ใช้งานง่ายและการวิเคราะห์กราฟที่ล้ำสมัย
  4. TradingView: เป็นที่นิยมสำหรับกราฟที่ทันสมัยและฟีเจอร์ social trading

แพลตฟอร์มส่วนใหญ่มีเวอร์ชันมือถือสำหรับการเทรดในขณะเดินทาง เมื่อเลือกโบรกเกอร์และแพลตฟอร์ม ควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น ความสะดวกในการใช้งาน เครื่องมือวิเคราะห์ และความเข้ากันได้กับสไตล์การเทรดของคุณ ควรทดลองใช้เวอร์ชันเดโมก่อนที่จะเริ่มการเทรดจริงเสมอ

ประเภทของคำสั่ง Forex

ในการซื้อขายฟอเร็กซ์มักจะมีตัวเลือกคำสั่งหลากหลายชนิดที่คุณสามารถใช้ได้ เช่น

  1. คำสั่ง Market: นี่คือคำสั่งซื้อหรือขายในราคาตลาดปัจจุบัน ซึ่งจะถูกดำเนินการทันที
  2. คำสั่ง Limit: นี่คือคำสั่งซื้อหรือขายในราคาที่กำหนดหรือต่ำกว่า ตัวอย่างเช่น หาก USD/THB เทรดอยู่ที่ 35.50 และคุณตั้ง limit order ที่ 35.40 คำสั่งของคุณจะถูกดำเนินการเฉพาะเมื่อราคาลดลงถึง 35.40 หรือต่ำกว่า
  3. คำสั่ง Stop: นี่คือคำสั่งที่จะกลายเป็น market order เมื่อถึงราคาที่กำหนด มักถูกใช้เพื่อจำกัดการขาดทุนหรือปกป้องกำไร
  4. คำสั่ง Take Profit: นี่คือคำสั่งปิดการเทรดที่ระดับกำไรที่กำหนด
  5. คำสั่ง Stop Loss: นี่คือคำสั่งปิดการเทรดที่ระดับขาดทุนที่กำหนด เพื่อป้องกันการขาดทุนเพิ่มเติม

เทคนิควิเคราะห์ Forex

การเทรด Forex ที่ประสบความสำเร็จไม่ใช่เพียงแค่การซื้อและขายสกุลเงิน เข้าใจคำศัพท์เทคนิคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นมาร์จิ้น เลเวอเรจ หรือเสปรด แต่ยังเกี่ยวกับการตัดสินใจอย่างมีข้อมูลโดยอิงจากการวิเคราะห์อย่างรอบคอบ มีการวิเคราะห์หลักสองประเภทใน Forex คือการวิเคราะห์พื้นฐานและการวิเคราะห์ทางเทคนิค

การวิเคราะห์พื้นฐาน

การวิเคราะห์พื้นฐานเกี่ยวข้องกับการพิจารณาปัจจัยทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองที่อาจส่งผลต่อมูลค่าสกุลเงิน สำหรับนักเทรด Forex ชาวไทย อาจรวมถึง:

  • ตัวชี้วัดเศรษฐกิจไทย: เช่น การเติบโตของ GDP อัตราเงินเฟ้อ และข้อมูลการจ้างงาน สามารถส่งผลต่อมูลค่าของเงินบาท
  • นโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย: อัตราดอกเบี้ยที่ตั้งโดยธนาคารแห่งประเทศไทยสามารถส่งผลกระทบอย่างมากต่อมูลค่าของเงินบาทได้
  • เหตุการณ์ทางเศรษฐกิจโลก: เหตุการณ์สำคัญในเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะในประเทศที่ไทยมีการค้าขายมาก สามารถส่งผลต่อเงินบาทได้
  • ความมั่นคงทางการเมือง: สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศไทยสามารถมีอิทธิพลต่อการลงทุนจากต่างประเทศและทำให้มูลค่าของเงินบาทเปลี่ยนแปลงได้

วิเคราะห์ฟอเร็กซ์ขั้นพื้นฐาน

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

การวิเคราะห์ทางเทคนิคเกี่ยวข้องกับการศึกษากราฟราคาและการใช้เครื่องมือและ indicator คือ ต่าง ๆ เพื่อคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต เครื่องมือการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่พบบ่อยบางประเภท ได้แก่:

  • ระดับแนวรับและแนวต้าน (Support and Resistance Levels): เป็นระดับราคาที่คู่สกุลเงินมีปัญหาในการเคลื่อนที่ผ่านไปในอดีต
  • เส้นแนวโน้ม (Trend Lines): ช่วยในการระบุทิศทางโดยรวมของตลาด
  • ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages): ช่วยเรียบเรียงข้อมูลราคาเพื่อสร้างเส้นที่ไหลลื่น ซึ่งสามารถช่วยในการระบุแนวโน้ม
  • ดัชนีความแข็งแกร่งสัมพัทธ์ (Relative Strength Index – RSI): ตัวชี้วัดนี้ช่วยในการระบุว่าสกุลเงินถูกซื้อมากเกินไปหรือขายมากเกินไป
    Bollinger Bands: ช่วยในการระบุเมื่อคู่สกุลเงินถูกเทรดนอกช่วงปกติของมัน

การจัดการความเสี่ยงในการเทรด Forex

การบริหารความเสี่ยงถือเป็นด้านที่สำคัญที่สุดด้านหนึ่งของการเทรด Forex หากไม่มีการบริหารความเสี่ยงที่ดี แม้แต่กลยุทธ์การเทรดที่ดีที่สุดก็ยังอาจนำไปสู่การขาดทุนอย่างมากได้

นี่คือกลยุทธ์จัดการความเสี่ยงที่สำคัญบางประการ:

กลยุทธ์จัดการความเสี่ยงคำอธิบาย
การใช้คำสั่ง Stop Lossสิ่งนี้จะทำให้การเทรดของคุณถูกปิดโดยอัตโนมัติหากตลาดเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่ตรงข้ามกับคุณเกินกว่าจำนวนที่กำหนด ซึ่งจะช่วยจำกัดการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นได้
การกำหนดขนาดตำแหน่งอย่างเหมาะสมอย่ารับความเสี่ยงมากกว่าส่วนน้อย (เทรดเดอร์หลายคนใช้ 1-2%) ของบัญชีของคุณในการเทรดครั้งเดียว
การใช้คำสั่ง Take Profitตั้งคำสั่ง Take Profit เพื่อรักษากำไรของคุณเมื่อตลาดเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่ดีสำหรับคุณ เหมือนกับที่คุณใช้ Stop Loss เพื่อจำกัดการขาดทุนของคุณ
กระจายการเทรดของคุณอย่าลงทุนทั้งหมดในที่เดียว ควรเทรดคู่สกุลเงินที่แตกต่างกันเพื่อกระจายความเสี่ยงของคุณ
ความเข้าใจและการควบคุมเลเวอเรจแม้ว่าเลเวอเรจจะสามารถเพิ่มกำไรได้ แต่ก็สามารถทำให้การขาดทุนมากขึ้นได้เช่นกัน ควรใช้เลเวอเรจอย่างระมัดระวังและเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง
จดบันทึกการเทรดบันทึกการเทรดทั้งหมดของคุณ รวมถึงเหตุผลในการเข้าและออกจากการเทรด นี่จะช่วยให้คุณสามารถระบุและเรียนรู้จากความผิดพลาดของคุณได้

การกำกับดูแลและภาษีสำหรับนักเทรด Forex ชาวไทย

ในฐานะนักเทรด Forex ชาวไทย สิ่งสำคัญคือต้องตระหนักถึงผลกระทบทางกฎหมายและภาษีจากกิจกรรมการเทรดของคุณ

การกำกับดูแล

ในประเทศไทย การเทรด Forex อยู่ภายใต้การดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ควรเลือกใช้บริการโบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาตและอยู่ภายใต้การควบคุมของ SEC อย่างถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นโบรกเกอร์ forex หรือ โบรกเกอร์ copy trade ใดที่คุณชื่นชอบก็ตาม ซึ่งจะให้ความคุ้มครองบางประการแก่คุณและทำให้แน่ใจว่าโบรกเกอร์ดำเนินการอย่างถูกกฎหมาย

ในขณะนี้ โบรกเกอร์ Forex ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ SEC มีจำนวนค่อนข้างน้อย โดยเฉพาะในด้านการเทรด CFDs ดังนั้นควรมองหาโบรกเกอร์ที่มีผู้กำกับดูแลที่เชื่อถือได้ แม้จะเป็นโบรกเกอร์ต่างประเทศ

เมื่อเลือกโบรกเกอร์ ควรพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ เช่น:

  • การกำกับดูแลและใบอนุญาต
  • แพลตฟอร์มการเทรดและเครื่องมือ
  • สเปรดและค่าคอมมิชชั่น
  • หน่วยสนับสนุนลูกค้าและการศึกษา
  • ประเภทบัญชีและเงินฝากขั้นต่ำ

ภาษี

กำไรจากการเทรด Forex ในประเทศไทยต้องเสียภาษี การจัดการภาษีเฉพาะอาจขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ รวมถึงว่าการเทรดถือเป็นอาชีพหลักหรือแหล่งรายได้รอง

จึงขอแนะนำอย่างยิ่งให้ปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีในประเทศไทยเพื่อให้เข้าใจถึงภาระภาษีที่เฉพาะเจาะจงของคุณ พวกเขาสามารถช่วยให้คุณเข้าใจความซับซ้อนของกฎหมายภาษีและมั่นใจว่าคุณปฏิบัติตามข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

ข้อดีและข้อเสียของการเทรด Forex สำหรับนักลงทุนชาวไทย

ก่อนที่คุณจะเริ่มเทรด Forex สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจทั้งผลประโยชน์และความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง นี่คือตารางที่สรุปข้อดีและข้อเสียของการเทรด Forex สำหรับนักลงทุนชาวไทยโดยเฉพาะ:

ข้อดี

  • เข้าถึงตลาด 24/5: คุณสามารถเทรดได้ตลอดเวลาที่เหมาะสมกับคุณผ่านแอพเทรดและเดสก์ท็อป ซึ่งดีสำหรับการปรับการเทรดให้เข้ากับตารางเวลาของคุณ
  • ความผันผวนสูง: มูลค่าสกุลเงินสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดความเสี่ยงในการขาดทุนอย่างรวดเร็วหากคุณไม่ระมัดระวัง
  • อุปสรรคในการเข้าต่ำ: คุณสามารถเริ่มต้นด้วยเงินทุนที่ค่อนข้างน้อย
  • ความเสี่ยงในการขาดทุนอย่างมาก: โดยเฉพาะเมื่อใช้เลเวอเรจสูง การขาดทุนอาจเกินกว่าการลงทุนเริ่มต้นของคุณ
  • สภาพคล่องสูง: ง่ายต่อการซื้อขายสกุลเงินโดยไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงราคามาก
  • ตลาดที่ซับซ้อน: Forex อาจเข้าใจได้ยากโดยเฉพาะสำหรับมือใหม่

ข้อเสีย

  • ความเครียดทางอารมณ์: ธรรมชาติของ Forex ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วสามารถสร้างความเครียดและความท้าทายทางอารมณ์ได้
  • การเข้าถึงเลเวอเรจ: คุณสามารถควบคุมตำแหน่งที่ใหญ่กว่าด้วยเงินทุนที่น้อยกว่าได้
  • ความเสี่ยงจากการแลกเปลี่ยนเงินตรา: กำไรของคุณอยู่ในสกุลเงินต่างประเทศ ซึ่งต้องแปลงกลับเป็น THB

บทสรุป

การเทรด Forex อาจเป็นกิจกรรมที่น่าตื่นเต้นและมีศักยภาพในการทำกำไร แต่สิ่งสำคัญคือต้องเข้าหามันด้วยความระมัดระวังและความเข้าใจที่มั่นคงเกี่ยวกับวิธีการทำงานของมัน ในฐานะนักลงทุนชาวไทย คุณมีข้อได้เปรียบจากความคุ้นเคยกับเงินบาทและเศรษฐกิจไทย ซึ่งสามารถเป็นประโยชน์ในการเทรด Forex ได้

อย่าลืมว่าการเทรด Forex อย่างประสบความสำเร็จต้องการการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง การวิเคราะห์อย่างรอบคอบ และการจัดการความเสี่ยงอย่างมีระเบียบ เริ่มต้นจากการลงทุนที่น้อย ฝึกฝนด้วยบัญชีเดโม ใช้เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ เช่น แพลตฟอร์ม MT4 และ MT5 อีกทั้ง อย่าหยุดการศึกษาเกี่ยวกับตลาด

ไม่ว่าคุณจะมองหาการกระจายพอร์ตการลงทุนของคุณหรือตั้งใจที่จะทำการเทรด Forex เป็นกิจกรรมทางการเงินหลัก คู่มือนี้จะช่วยให้คุณมีพื้นฐานที่มั่นคงในการเริ่มต้น ขอให้คุณโชคดีในการเทรด และขอให้ pips อยู่กับคุณ

คำถามที่พบบ่อย

การเทรด Forex คืออะไร

การเทรด Forex หรือการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เกี่ยวข้องกับการซื้อและขายสกุลเงินในตลาดโลก โดยทำงานบนเครือข่ายที่ไม่มีการควบคุมกลาง ซึ่งช่วยให้คุณสามารถแลกเปลี่ยนสกุลเงินหนึ่งกับอีกสกุลเงินหนึ่ง โดยทั่วไปจะทำในรูปแบบคู่สกุลเงิน (เช่น EUR/USD)

คุณจะต้องวิเคราะห์สภาพตลาด Forex และตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจเพื่อคาดการณ์การเคลื่อนไหวของสกุลเงินและมุ่งหวังผลกำไร ด้วยการเข้าถึงตลอด 24 ชั่วโมงใน 5 วัน Forex จึงเป็นที่นิยมในหมู่ธนาคาร บริษัทต่าง ๆ และเทรดเดอร์รายบุคคล โดยมีโอกาสในการลงทุนทั้งระยะสั้นและระยะยาว

ตลาด Forex เป็นการหลอกลวงหรือไม่

ตลาด Forex เป็นตลาดที่ถูกต้องตามกฎหมายและมีการกำกับดูแล อย่างไรก็ตาม ธนาคารแห่งประเทศไทยเตือนเกี่ยวกับการหลอกลวงที่ดูเหมือนโอกาสในการเทรด Forex การหลอกลวงเหล่านี้มักสัญญาผลกำไรที่ไม่เป็นจริง โดยมุ่งเป้าไปที่ผู้ที่มองหาการทำเงินอย่างรวดเร็ว เทรดเดอร์ Forex มือใหม่ควรระมัดระวังและหาข้อมูล

ควรใช้โบรกเกอร์ที่มีการกำกับดูแลเสมอ ระวังข้อเสนอการลงทุนที่ไม่คาดคิด และตั้งคำถามเกี่ยวกับคำสัญญาที่จะได้ผลตอบแทนที่รับประกันหรือสูงมาก แม้ว่าจะมีโอกาสทำเงินจากการเทรด Forex ด้วยกลยุทธ์การเทรดที่ถูกต้องและการวิเคราะห์ทางเทคนิค แต่ก็ไม่เคยมีการรับประกัน ควรตรวจสอบเสมอว่าโบรกเกอร์ Forex มีการกำกับดูแลก่อนการเทรดสกุลเงินต่าง ๆ

การเทรด Forex อันตรายแค่ไหน

การเทรด Forex อาจมีความเสี่ยง เนื่องจากตลาด FX มีความผันผวนสูง ซึ่งหมายความว่ามูลค่าสกุลเงินสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว นี่อาจนำไปสู่การขาดทุนอย่างมากหากไม่จัดการอย่างระมัดระวัง การใช้เลเวอเรจสามารถขยายผลกำไรและการขาดทุนของคุณได้ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงเข้าไปอีก

อย่างไรก็ตาม ด้วยกลยุทธ์การเทรดที่ดีและการศึกษาอย่างเหมาะสม คุณสามารถลดความเสี่ยงเหล่านี้ได้ สิ่งสำคัญคือการเข้าใจสภาพตลาด หลักการใช้สเปรดและเลเวอเรจ ใช้บัญชีเดโมเพื่อฝึกฝน และลงทุนเพียงจำนวนเงินที่คุณสามารถเสียได้ การเรียนรู้อย่างต่อเนื่องและการปรับวิธีการของคุณเป็นกุญแจสำคัญในการเทรดสกุลเงินต่าง ๆ ให้ประสบความสำเร็จ

ฉันต้องใช้เงินเท่าไหร่ในการเริ่มต้นเทรด Forex

คุณสามารถเริ่มต้นเทรด Forex ด้วยเงินเพียง 30-35 บาท แต่โดยปกติแล้วไม่แนะนำให้ทำเช่นนั้นเพื่อการเทรดที่มีประสิทธิภาพ เงินทุนเริ่มต้นที่มากขึ้นจะช่วยให้คุณมีตัวเลือกในการกำหนดขนาดการเทรดมากขึ้นและสามารถจัดการความเสี่ยงได้ดีขึ้น จำนวนเงินที่ดีที่สุดในการเริ่มต้นขึ้นอยู่กัสถานการณ์ทางการเงินและเป้าหมายการเทรดของคุณ

เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์หลายคนแนะนำให้เริ่มต้นด้วยเงินจำนวนไม่กี่พันบาท ซึ่งจะช่วยให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์การเทรดที่มีความหมายในขณะที่ยังมั่นใจได้ว่าคุณสามารถเสียเงินจำนวนนี้ได้โดยไม่กระทบต่อการใช้ชีวิตของคุณ ควรพิจารณากลยุทธ์การเทรดและสภาพตลาดเมื่อคุณตัดสินใจว่าจะลงทุนเท่าไหร่

ฉันสามารถเทรด Forex ทุกวันได้ไหม

ได้ครับ คุณสามารถเทรด Forex ได้ทุกวัน ตลาด Forex เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมงใน 5 วันต่อสัปดาห์ เริ่มตั้งแต่วันจันทร์เวลา 05:00 (GMT+7) และปิดทำการวันเสาร์เวลา 05:00 (GMT+7) การเทรดอย่างต่อเนื่องนี้มีความสะดวกสบายด้วยเซสชันทั่วโลกที่แตกต่างกัน ได้แก่ เซสชันเอเชีย, เซสชันยุโรป และเซสชันอเมริกาเหนือ

แต่ละเซสชันมีระดับความคล่องตัวและความผันผวนที่แตกต่างกัน ในขณะที่คุณสามารถเทรดได้ทุกวัน แต่ควรให้ความสำคัญกับเซสชันที่ซ้อนทับกันเพื่อโอกาสในการเทรดที่ดีกว่าและมีสภาพคล่องสูงขึ้นในคู่สกุลเงิน Forex

ข้อชี้แจง: การเทรด Forex มีความเสี่ยงสูงและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทุกคน ควรทำการหาข้อมูลด้วยตัวเองและพิจารณาสถานการณ์ทางการเงินของคุณอย่างรอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนใด ๆ

About the author:

Justin Grossbard

Having traded since 1998, Justin is the CEO and Co-Founded CompareForexBrokers in 2004. Justin has published over 100 finance articles from Forbes, Kiplinger to Finance Magnates. He has a Masters and Commerce degree and has an active role in the fintech community. He has also published a book in 2023 on on investing and trading.

Back to top