การทำ Scalping ต้องการความเข้าใจที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของตลาด การตัดสินใจที่ผิดพลาดเพียงครั้งเดียวโดยใช้ตำแหน่งขนาดใหญ่สามารถทำให้เกิดการขาดทุนเป็นจำนวนมากได้ ในคู่มือนี้ ผมจะมาแบ่งปันพื้นฐานและบทเรียนจากการเทรดจริงที่ช่วยให้ผมพัฒนากลยุทธ์ที่ท้าทายนี้ได้
Scalping คืออะไร: ทำความเข้าใจพื้นฐาน Scalping
กลยุทธ์ Scalping ขึ้นอยู่กับการเปิดและปิดตำแหน่งการเทรดในเวลาเพียงไม่กี่วินาที เพื่อใช้ประโยชน์จากความผันผวนของตลาด คุณสามารถใช้กลยุทธ์นี้กับสินทรัพย์ทางการเงินใดๆ ก็ได้ ตั้งแต่ Forex และ CFDs ไปจนถึงสินค้าโภคภัณฑ์, คริปโต, โลหะ, ทองคำ และแม้แต่อนุพันธ์แบบออปชัน
ก่อนที่คุณจะเริ่มต้นทำ Scalping คุณจำเป็นต้องมีความเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับกลไกของตลาด เช่น การสร้างสภาพคล่อง, การวิเคราะห์ทางเทคนิค, การจัดการความเสี่ยง และระดับแนวรับ/แนวต้านที่สำคัญ แม้ว่าแนวคิดเหล่านี้จะใช้ได้กับการเทรดทุกประเภท แต่การทำ Scalping ต้องใช้วิธีการที่เฉพาะเจาะจงและละเอียดกว่าการเทรดรายวัน เนื่องจากลักษณะการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของมัน
การกะเวลาเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการทำ Scalping ตัวอย่างเช่น ตลาดสหรัฐมีช่วงเวลาที่มีความผันผวนสูงที่สามารถคาดเดาได้ เช่น ชั่วโมงเปิดตลาด (9:30 – 10:30) และ “power hour” ในช่วงใกล้ปิดตลาด (15:00 – 16:00) ในช่วงเวลาเหล่านี้ ปริมาณการเทรดที่เพิ่มขึ้นมักจะทำให้เกิดการเคลื่อนไหวของราคาอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากรูปแบบเหล่านี้แล้ว เหตุการณ์ที่มีผลกระทบต่อตลาด เช่น รายงานอัตราเงินเฟ้อ, ตัวเลขการจ้างงาน และการตัดสินอัตราดอกเบี้ย ยังสามารถสร้างโอกาสในการเทรดเพิ่มเติมได้อีกด้วย
อีกหนึ่งอุปสรรคที่ต้องระวังเป็นพิเศษในการทำ Scalping คือ “ความคาดเคลื่อน” หรือการที่ราคาที่คุณเข้าเทรดจริงแตกต่างจากราคาที่คาดหวัง เนื่องจากกำไรจากการทำ Scalping ขึ้นอยู่กับการเข้าทำกำไรที่แม่นยำ แม้แต่ความแตกต่างของราคาเล็กน้อยก็มีความสำคัญ ผมใช้โบรกเกอร์ STP หรือ ECN เพราะการเข้าถึงสภาพคล่องโดยตรงช่วยลดความล่าช้า แม้ว่าการคาดเคลื่อนจะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่การจัดการมันอย่างมีประสิทธิภาพก็เป็นสิ่งสำคัญ เดี๋ยวจะอธิบายเรื่องนี้เพิ่มเติมในภายหลัง
ใครควรพิจารณาการเทรดแบบ Scalping
ไม่มีกฏตายตัวว่า Scalping ใช้ได้เฉพาะเทรดเดอร์มืออาชีพหรือผู้เทรดมือใหม่ จริงๆ แล้ว ผมจึงอยากอธิบายดังนี้ การเทรดโดยทั่วไปอาจเป็นกิจกรรมที่สร้างความเครียดทางจิตใจได้มาก จากจุดเริ่มต้น ทุกตำแหน่งการเทรดจะอยู่ในสถานะขาดทุนเนื่องจาก “สเปรด” (ค่าธรรมเนียมในการเปิดตำแหน่งการเทรด) และการเห็นการขาดทุนทันทีอาจทำให้คุณรู้สึกไม่สบายใจ นี่คือลักษณะสำคัญบางประการที่คุณจะต้องมีหากต้องการเป็น Scalper:
1. คุณควรมีความชื่นชอบในความตื่นเต้น
Scalping เป็นกิจกรรมที่ตึงเครียดและเต็มไปด้วยอะดรีนาลีน ในหลายๆ แง่ มันเหมือนกับการนั่งรถไฟเหาะ ดังนั้น หากคุณไม่ชอบความรู้สึกแบบนั้นมากนัก อาจจะมีกลยุทธ์การเทรดอื่นๆ ที่เหมาะกับคุณมากกว่า
2. จัดการความเครียดได้ดี ไม่มีความวิตกกังวล
คุณต้องรักษาความเยือกเย็น สงบ และมีสติอยู่เสมอไม่ว่าจะเจอสถานการณ์ใดในการเทรดก็ตาม ต้องทำการเทรดด้วยเหตุผลและไม่ใช่ความรู้สึก
3. ชอบทำการวิเคราะห์
การทำ Scalping ต้องการทักษะการคิดวิเคราะห์ในระดับสูงเพื่อหาโอกาสเทรด ประเมินความเสี่ยง และพัฒนาทักษะในการตัดสินใจที่ดี
4. มีความรู้
Scalping เป็นสไตล์การเทรดที่มีความซับซ้อนและต้องการความรู้มากเกี่ยวกับวิธีการทำงานของตลาด Scalper ที่ดีต้องมีการตัดสินใจที่รวดเร็วและมีความรู้ทางเทคนิคในระดับสูง
5. การยอมรับข้อผิดพลาด
ในการเทรดแบบ Scalping คุณจะทำผิดพลาดเป็นบางคราวอย่างแน่นอน คุณต้องยอมรับกับตัวเองและยินดีที่จะเรียนรู้ต่อไป เพื่อการพัฒนาการเทรดอย่างต่อเนื่อง
6. มีวินัยสูง
การจะประสบความสำเร็จในการเทรดทุกรูปแบบ (การเทรดรายวัน, การเทรดแบบสวิง หรือแม้กระทั่ง Scalping) คุณต้องมีการควบคุมตนเองและที่สำคัญที่สุดคือ ต้องไม่ตกเป็นเหยื่อของแรงกระตุ้นหรืออารมณ์ของตัวเอง
อย่าคิดว่าคุณสามารถเปิดตำแหน่ง Scalping ได้ทุกเวลาและทำกำไรจากการเคลื่อนไหวใหญ่ในทันที แม้ว่าการเทรดแบบ Scalping จะใช้เวลาแค่ 1-2 นาที แต่การหาการตั้งคำสั่งที่ดีมักจะต้องใช้เวลาติดตามตลาดอย่างอดทนประมาณ 30-60 นาที ใช่แล้ว การทำ Scalping มีโอกาสเทรดที่บ่อยกว่าการเทรดระยะรายวัน Scalper ที่เก่งจะสามารถมองเห็นการตั้งคำสั่งที่ดีทุก 10 นาที หรือประมาณนั้น แต่ต้องจำไว้ว่า การเทรดที่มากขึ้นหมายถึงความเสี่ยงที่มากขึ้น ดังนั้น การรอให้มีการเทรดที่เหมาะสมจึงคุ้มค่ากว่า
สิ่งที่ทำให้การเทรดแบบ Scalping คุ้มค่าคือ ขนาดตำแหน่งการเทรดและการใช้เลเวอเรจ ในแต่ละนาที ตลาดจะไม่เคลื่อนไหวมากพอที่จะทำกำไรจำนวนมากจากความแตกต่างของราคาได้ ดังนั้น Scalper จึงใช้การขยายขนาดการเทรดและเลเวอเรจในการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาเพีนงเล็กน้อย ซึ่งหมายความว่าพวกเขาต้องมีทุนเป็นจำนวนมาก บางคนแนะนำให้ผู้เริ่มต้นทำ Scalping เริ่มจากบัญชีที่มีทุนระหว่าง 5,000 ถึง 20,000 ดอลลาร์
ในด้านของประสบการณ์ คุณควรทำความคุ้นเคยกับตลาดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยประมาณแล้วต้องมีประสบการณ์อย่างน้อย 1 ปี และแน่นอนว่าสิ่งสำคัญคือ การเข้าใจแนวคิดและการทำความเข้าใจการเทรด
โบรกเกอร์ที่ดีที่สุดหรับ Scalping
ใน Scalping คุณจะต้องมองหาโบรกเกอร์ที่มีเวลาการประมวลผลคำสั่งที่รวดเร็ว เพราะการเข้าเทรดที่ดีจะเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จของคุณ อย่างไรก็ตาม ปัจจัยอื่น ๆ ที่สำคัญที่ควรพิจารณาเมื่อเลือกโบรกเกอร์ ได้แก่ ค่าคอมมิชชั่น, ค่าธรรมเนียมการให้ข้อมูล (feed), เลเวอเรจ, มาร์จิ้น, สเปรด และการตรวจสอบว่าโบรกเกอร์ของคุณได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานที่เชื่อถือได้หรือไม่
สำหรับประเทศไทย นี่คือโบรกเกอร์บางรายที่เหมาะสำหรับ Scalping:
Pepperstone | IC Markets | Eightcap | |
---|---|---|---|
สเปรด | สเปรดต่ำถึง 0.1 pips ใน Forex ด้วยบัญชี Razor (ดีที่สุดสำหรับ Scalping) | สเปรดเริ่มที่ 0.0 pips ใน Forex | สเปรดต่ำถึง 0.0 pips ใน Forex |
เลเวอเรจ | สูงถึง 200:1 สำหรับบัญชีรายย่อย 500:1 สำหรับบัญชี pro | เลเวอเรจสูงถึง 500:1 | เลเวอเรจสูงถึง 500:1 |
ค่าคอมมิชชั่น (ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม) | $3.50 ต่อล็อตด้วยบัญชี Razoe | $3.50 ต่อล็อตด้วยบัญชีสเปรด RAW | $3.50 ในบัญชี RAW |
ความเร็วในการดำเนินการคำสั่ง (ทดสอบโดย by CompareForexBrokers) | 77 ms สำหรับคำสั่ง limit 100 ms สำหรับคำสั่ง market | 134 ms สำหรับคำสั่ง limit 153 สำหรับคำสั่ง market | 143 ms สำหรับคำสั่ง limit 139 สำหรับคำสั่ง market |
สถานะการกำกับดูแล | มี โดย SCB ในบาฮามาส | มี โดย FSA-S ในบาฮามาส | มี โดย SCB ในบาฮามาส |
ในการเลือกบัญชี บัญชีแบบ RAW หรือ ECN (เช่น บัญชีที่มีค่าคอมมิชชัน) โดยทั่วไปจะเป็นตัวเลือกที่นิยมใช้สำหรับการทำ Scalping เพราะว่าสเปรดจะต่ำกว่าบัญชี standard และค่าใช้จ่ายโดยรวมของคุณจะต่ำกว่าถึงแม้ว่าจะมีค่าคอมมิชชันเพิ่มเติมก็ตาม
แพลตฟอร์มการเทรดสำหรับ scalper
นอกเหนือจากโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือของคุณแล้ว แพลตฟอร์มการเทรดที่คุณเลือกใช้ก็สามารถเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความสำเร็จของคุณในฐานะเทรดเดอร์ได้
แพลตฟอร์มการเทรดที่พบได้บ่อยและมีให้ใช้มากที่สุด ได้แก่ MT4 (MetaTrader 4), MT5, cTrader และ TradingView เนื่องจากการทำ Scalping ต้องการทักษะทางเทคนิคที่สูง เครื่องมือบางอย่างที่มีในแพลตฟอร์มเหล่านี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเทรดของคุณอย่างมาก
คุณสมบัติหลักบางประการของแพลตฟอร์ม TradingView ได้แก่ เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่หลากหลายสำหรับการสร้างกราฟ นอกจากนี้ยังมีส่วนของชุมชนที่ให้ผู้ใช้สามารถแบ่งปันแนวคิดการเทรดของตนเองได้
สำหรับ MT4 และ MT5 ฟีเจอร์หลักมุ่งเน้นไปที่ความเชี่ยวชาญในการเทรด Forex โดย MT5 มี 21 กรอบเวลาที่แตกต่างกันในการดูราคา ขณะที่ MT4 มีเพียง 9 กรอบเวลา MT5 ยังมีเครื่องมือการจัดการความเสี่ยงที่ดีกว่า MT4 คุณถือซะว่า MT4 เป็นเวอร์ชันสำหรับมือใหม่ ในขณะที่ MT5 นั้นมีไว้สำหรับมืออาชีพ
cTrader ถูกสร้างขึ้นเพื่อการเทรดแบบ no-dealing desk จึงมีฟีเจอร์ที่ทำให้มันได้รับความนิยมโดยเฉพาะกับเหล่า Scalper ฟีเจอร์รวมถึง “Depth of Market” และความเร็วในการดำเนินการที่เร็วเป็นพิเศษ
MT4, MT5, และ cTrader รองรับการเทรดอัตโนมัติผ่านเครื่องมือเฉพาะของแต่ละแพลตฟอร์ม (Expert Advisors และ cBots) อัลกอริธึมเหล่านี้สามารถดำเนินกลยุทธ์ Scalping ของคุณได้เร็วกว่าการเทรดด้วยมือ ในขณะที่สามารถเฝ้าติดตามตลาดตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อโอกาสในการทำกำไร
องค์ประกอบหลักของกลยุทธ์
หลังจากที่คุณได้เตรียมพร้อมกับบัญชีโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์แล้ว ขั้นต่อไปที่ยากที่สุด นั่นก็คือการทำ Scalping จริงๆ
ขั้นแรกคุณต้องเข้าใจวงจรของตลาด ตลาดมักจะอยู่ในวงจรแรงรับแรงต้นที่ต่อเนื่อง และเพื่อที่ตลาดจะเคลื่อนที่ไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งมันต้องสะสมแรงพอสมควรก่อน (การสร้างสภาพคล่อง) ซึ่งจะทำได้โดยการสะสมคำสั่งซื้อและคำสั่งขาย เมื่อสร้างสภาพคล่องได้เพียงพอแล้ว การ Breakout ก็จะเกิดขึ้น
โดยปกติแล้ว Breakout มักจะเป็นการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่และเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จนบางครั้งถ้าคุณกระพริบตาก็อาจพลาดได้ สำหรับ Scalper การจับการ Breakout คือเป้าหมายหลัก
ในการหาการ Breakout เทรดเดอร์มักใช้ เช่น รูปแบบกราฟ, RSI, Bollinger Bands และ Moving Averages แต่สิ่งที่ได้ผลดีที่สุดสำหรับผมคือการใช้อินดิเคเตอร์หลายตัวร่วมกันพร้อมกับการพิจารณาบริบทของตลาด
สุดท้าย เนื่องจากกำไรส่วนใหญ่จะมาจากการเคลื่อนไหวเล็กๆ ในตลาด การป้องกันความเสี่ยงจึงเป็นสิ่งสำคัญ Scalping เป็นกลยุทธ์ที่ควรมี stop-loss ที่ค่อนข้างเข้มงวด และโดยทั่วไปแล้วคุณควรออกจากตลาดให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
Scalping และการกำหนด Lot ใน Forex
การเทรดแบบ Scalping เน้นการเปิดและปิดคำสั่งในระยะเวลาสั้นๆ ทำให้การเลือก lot ที่เหมาะสมมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อควบคุมความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร ขนาด lot ที่เล็กสามารถช่วยปรับตัวให้เข้ากับกลยุทธ์ Scalping ที่เน้นการทำกำไรจากความผันผวนเล็กน้อยในตลาด
เครื่องมือและข้อกำหนด
ตามที่ได้อธิบายไปก่อนหน้านี้ Scalping ต้องการความรู้เรื่องการวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นปริมาณมาก ดังนั้น แพลตฟอร์มอย่าง TradingView ซึ่งช่วยในการระบุการตั้งคำสั่งและจังหวะการเข้าออกที่เป็นไปได้ โดยการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาในกราฟอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยอินดิเคอเตอร์ เช่น Moving Averages, RSI (Relative Strength Index), Bollinger Bands และ MACD (Moving Average Convergence Divergence) จะทำให้เทรดเดอร์สามารถเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตลาดได้ดีขึ้น
นอกจากส่วนที่เกี่ยวกับเทคนิคแล้ว คุณยังต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าโบรกเกอร์ของคุณพร้อมและมีประสิทธิภาพพอสำหรับกลยุทธ์การเทรดของคุณแล้วหรือยัง ซึ่งรวมถึงการตรวจสอบความเร็วในการเทรด (สำหรับ scalping แล้วถือเป็นสิ่งที่ต้องมีอย่างแรกๆ) การเสนอสเปรดที่ดี เลเวอเรจที่เหมาะสม และค่าคอมมิชชันต่ำ รวมทั้งการตรวจสอบว่าโดยรวมแล้วโบรกเกอร์เป็นสถาบันที่เชื่อถือได้หรือไม่
ความสัมพันธ์ระหว่าง EA (Expert Advisor) และ Scalping
EA (Expert Advisor) ถือเป็นโปรแกรมที่ใช้ในการเทรดอัตโนมัติในแพลตฟอร์ม MetaTrader ซึ่งสามารถทำการเปิดและปิดคำสั่งซื้อขายตามเงื่อนไขที่ตั้งไว้ โดยไม่ต้องมีการแทรกแซงจากเทรดเดอร์มนุษย์ ส่วน Scalping คือกลยุทธ์การเทรดที่มุ่งเน้นการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาที่เล็กน้อยในระยะเวลาสั้น ๆ โดยการเปิดและปิดออร์เดอร์ในเวลาอันรวดเร็วเพื่อทำกำไรในระยะสั้น
ทั้ง EA และ Scalping มีความสัมพันธ์ที่สำคัญในแง่ของการเพิ่มประสิทธิภาพในการเทรด โดยเฉพาะในกลยุทธ์ Scalping ที่ต้องการการตัดสินใจที่รวดเร็วและแม่นยำ ซึ่ง EA สามารถตอบโจทย์นี้ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากสามารถทำการเปิด/ปิดคำสั่งซื้อขายได้อัตโนมัติในช่วงเวลาที่เหมาะสม และสามารถทำการเทรดได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้คุณไม่พลาดโอกาสที่สำคัญในการทำกำไร
ตัวอย่างการใช้งานจริง
Scalping ไม่ใช่เรื่องง่าย จากประสบการณ์ส่วนตัวของผม ผมเคยเทรดได้ดีในหลายๆ ครั้ง แต่ก็มีบางครั้งที่เทรดไม่ได้ตามที่คาดหวัง เหมือนกับการเทรดในรูปแบบอื่นๆ หลักการพื้นฐานที่ควรยึดถือเสมอคือ การจัดการความเสี่ยงอย่างถูกต้อง เมื่อทำเช่นนี้ คุณจะสามารถเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จได้
ขอแบ่งปันสองตัวอย่าง หนึ่งคือตัวอย่างการเทรดฟอเร็กซ์ที่ประสบความสำเร็จ และอีกหนึ่งคือตัวอย่างการเทรดที่ทำให้ผมเสียเงินไปจำนวนหนึ่ง
บริบทการซื้อขายของผม
ผมชอบการเทรดตลาดในช่วงเช้า เพราะในชั่วโมงแรกของวัน มักจะมีปริมาณการเทรดที่ดี ซึ่งสามารถนำไปสู่การเคลื่อนไหวของราคาที่ดี และนอกจากนี้ยังมักจะมีข้อมูลสำคัญที่ปล่อยออกมาช่วงนี้อย่างน้อยก็สัปดาห์ละครั้ง สำหรับผม นี่คือสภาพตลาดที่เพอร์เฟค ในความเป็นจริงแล้ว รายงานเหล่านี้มักออกมาค่อนข้างบ่อยและสามารถช่วยให้คุณตั้งคำสั่งเทรดได้หลายรายการ
อย่างไรก็ตาม เมื่อรายงานเหล่านี้ถูกปล่อยออกมา โดยเฉพาะหากเป็นรายงานที่สำคัญ จะมีผลกระทบทันทีต่อการเคลื่อนไหวของราคาตลาด ซึ่งมักจะเกิดการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในช่วงหนึ่งหรือสองนาทีแรก ในฐานะ scalper ผมพบว่าช่วงเวลาตลาดนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเทรดและทำกำไรเป็นปริมาณมาก แต่ก็ต้องถึงระลึกไว้เสมอว่า คุณไม่จำเป็นต้องมีตัวกระตุ้นเพื่อทำ Scalping คุณสามารถทำได้แม้ในวันที่ตลาดซบเซา
สำหรับบริบทเพิ่มเติม กลยุทธ์การเทรดแบบ Scalping ส่วนใหญ่ของผมจะใช้กรอบเวลาที่สั้นมาก ผมมักจะเทรดในกราฟ 5 วินาที แต่กราฟ 3 วินาที หรือ 10 วินาที ก็มีประโยชน์เช่นกัน คุณสามารถใช้กราฟ 1 นาที หรือกรอบเวลาอื่น ๆ ที่สั้นได้เช่นกัน หากคุณกำลังมองหา โบรกเกอร์ forex ที่น่าเชื่อถือ สำหรับการเทรดในลักษณะนี้ การเลือกโบรกเกอร์ที่มีสภาพคล่องสูงและการบริการที่ดีเป็นสิ่งสำคัญ
เทรดที่กำไร
จากบริบทก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ผมกำลังรอรายงาน CPI สำหรับตลาดสหรัฐฯ ผมต้องการเทรดคู่ EUR/USD ในตลาด Forex ผมรู้ว่ารายงานนี้จะถูกปล่อยออกมาในช่วงเช้า เวลา 8:30 น. ซึ่งเป็น 1 ชั่วโมงก่อนที่ตลาดจะเปิด
โดยปกติแล้ว เมื่อมีการปล่อยรายงาน CPI (ดัชนีราคาผู้บริโภค) ราคาจะพุ่งไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งและหายากที่จะย้อนกลับ ในขณะที่การเคลื่อนไหวหลักมักจะเกิดขึ้นใน 1 นาทีแรก แต่จะมักมีปริมาณการเทรดที่สูงในช่วง 10 นาทีถัดไป ซึ่งสามารถช่วยผลักดันราคาขึ้นได้
พูดถึงเรื่องนี้แล้ว หลังจากที่รายงานถูกปล่อยออกมา 10 วินาที ผมสามารถเห็นการตอบสนองเบื้องต้นของรายงานที่เป็นบวก และผมสามารถเข้าเทรดตามกระแสขาขึ้นได้ทัน โดยตั้งคำสั่ง Stop-Loss ไว้อย่างชัดเจนที่ก้นแท่งเทียน จากนั้นผมไปดื่มชาและผ่านไป 2 นาที ผมก็สามารถทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของคู่เงินที่มากกว่า 1% ซึ่งทำกำไรได้เล็กน้อย ผมปิดตำแหน่งทันทีและเพลิดเพลินกับวันของผม
เทรดที่ขาดทุน
ในวันถัดมา รายงาน PPI (ดัชนีราคาผู้ผลิต) จะถูกปล่อยออกมาที่เวลาเดียวกับ CPI คือเวลา 8:30 น. ผมนั่งลงที่คอมพิวเตอร์ 10 นาทีก่อนที่รายงานจะประกาศและเตรียมตัวสำหรับการเทรด
อย่างไรก็ตาม ต่างจาก CPI PPI มักจะคาดเดาได้ยากกว่า เนื่องจากมันก็สามารถกระตุ้นการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ได้ แต่บางครั้งการเคลื่อนไหวเหล่านั้นก็ยังคงอยู่และบางครั้งก็ย้อนกลับ กลยุทธ์ของผมคือการทำเหมือนเดิม การตามกระแส
โชคไม่ดีสำหรับผมเท่าไรนัก แท่งเทียนแรกนั้นทำให้เข้าใจผิด ราคาลงไปในช่วงไม่กี่วินาทีแรก ดังนั้นผมจึงเปิดตำแหน่ง short แต่ในครึ่งหลังของนาที ราคากลับดีดตัวขึ้น และผมถูกหยุดที่จุดสูงสุดของแท่งเทียน ทำให้ขาดทุนเล็กน้อย
อย่างที่เห็น การทำ Scalping เป็นกลยุทธ์ที่มีความเสี่ยงสูงมาก มีหลายกลยุทธ์ในการทำ Scalping คุณสามารถเทรดในสถานการณ์เหล่านี้โดยไม่มีข้อมูลก็ได้ แต่การเทรดโดยอ้างอิงจากโครงสร้างราคาและการวิเคราะห์จะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าในระยะยาว หรืออาศัยเทคนิค copy trade หากคุณไม่ได้เทรดด้วยตัวกระตุ้นก็อย่าลืมที่จะเลือกการเทรดที่มีเหตุผลหลายประการรองรับ และต้องปกป้องการเทรดอย่างเข้มงวด
สรุป
Scalping เป็นกลยุทธ์ที่ซับซ้อนและไม่เหมาะสำหรับคนที่ขี้กลัว ในเพียงไม่กี่วินาที คุณอาจทำกำไรหรือขาดทุนอย่างมหาศาล การตัดสินใจที่ถูกต้องอาจทำให้คุณรู้สึกเหมือนเป็นอัจฉริยะ แต่การตัดสินใจที่ผิดพลาดอาจทำให้คุณสูญเสียเงินจำนวนมาก
Scalping ต้องการความรู้ลึกซึ้งเกี่ยวกับการทำงานของตลาด (เช่น รูปแบบการเทรด, อินดิเคเตอร์, บริบท และการจัดการความเสี่ยง) และถึงแม้ว่าจะรู้จักสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดแล้ว ก็ไม่รับประกันว่าจะได้ผลเสมอ นี่คือสิ่งที่บ่งชี้ถึงความยากของเทคนิคนี้
ในการทำ Scalping จุดมุ่งหมายหลักของคุณควรเป็นการทำกำไรใหญ่จากการเคลื่อนไหวของราคาที่เล็กน้อย อย่าลืมที่จะมีกลยุทธ์การเข้าและออกที่ดี โดยเฉพาะในตลาดที่มีสภาพคล่องสูง ซึ่งราคาสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว แนวคิดพื้นฐานของ Scalping คือการทำกำไรอย่างรวดเร็ว คุณไม่ได้อยู่เพื่อจะเทรดทั้งวัน แต่แค่ในช่วงเวลาสำคัญสั้น ๆ เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม หากคุณตั้งใจที่จะเริ่มต้นอาชีพการเป็น scalper สิ่งที่ผมขอให้คุณทำคือการศึกษาข้อมูลจากคู่มือเทรดฟอเร็กซ์ให้ดี รู้ว่าคุณกำลังทำอะไร เลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสม ฝึกวินัยในตัวเอง และฝึกฝนด้วยบัญชีทดลองให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คุณมีโอกาสประสบความสำเร็จสูงสุด
ท้ายที่สุด ขอให้คุณพึงระลึกไว้ว่า Scalping มีความเสี่ยงสูง แต่หากได้ทำการศึกษาและเตรียมตัวมาอย่างถูกต้อง มันก็ไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้
คำถามที่พบบ่อย
เทคนิค Scalping คืออะไร และทำไมถึงได้รับความนิยมในตลาด Forex?
Scalping คือกลยุทธ์การเทรดในตลาด Forex ที่เน้นการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาที่เล็กน้อยในช่วงเวลาแคบๆ โดยเทรดเดอร์จะทำการเปิดและปิดออร์เดอร์หลายครั้งในแต่ละวัน เพื่อทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงราคาในเวลาสั้น กลยุทธ์นี้ได้รับความนิยมเพราะสามารถทำกำไรได้หลายครั้งในระยะที่เวลาที่น้อยกว่า หากใช้เทคนิคที่ถูกต้อง
ฉันสามารถใช้ EA (Expert Advisor) ในการทำ Scalping ได้หรือไม่?
ได้ การใช้ EA ในการทำ Scalping ช่วยให้การเทรดมีความรวดเร็วและแม่นยำ เนื่องจาก EA สามารถเปิดและปิดออร์เดอร์ได้อัตโนมัติ ตลอดจนบริหารจัดการความเสี่ยง เช่น การตั้งค่า Stop Loss และ Take Profit ได้ ซึ่งช่วยให้เทรดเดอร์ไม่พลาดโอกาสและลดความเสี่ยงจากอารมณ์ในการเทรด
เลือกโบรกเกอร์โบนัสฟรีสำหรับการใช่งาน Scalping ดีหรือไม่?
ดี โบรกเกอร์ Forex ที่เสนอโบนัสฟรี จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรของคุณได้ แต่ควรพิจารณาเงื่อนไขอื่นๆ เช่น ความเร็วในการดำเนินการคำสั่ง และการสนับสนุนลูกค้าด้วย ที่สำคัญ ในการเลือกโบรกเกอร์เพื่อทำ Scalping คุณต้องเลือกโบรกเกอร์ที่มีสเปรดต่ำและคอมมิชชันที่ไม่สูงเกินไปเพื่อให้เหมาะสมกับกลยุทธ์ที่จะใช้งานนั่นเอง
โบรกเกอร์ Forex ที่ดีที่สุดสำหรับการ Scalping คืออะไร?
โบรกเกอร์ที่ดีที่สุดสำหรับการ Scalping ควรมีสเปรดต่ำ ค่าคอมมิชชันต่ำ และไม่จำกัดจำนวนการเปิดออร์เดอร์ในช่วงเวลาใด ๆ นอกจากนี้ยังควรมีความเร็วในการดำเนินการคำสั่ง (execution speed) ที่รวดเร็ว และสามารถให้การสนับสนุนลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เทรดเดอร์มือใหม่สามารถทำ Scalping ได้ไหม?
แม้ว่า Scalping จะเป็นกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมในหมู่เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ แต่เทรดเดอร์มือใหม่ก็สามารถทำ Scalping ได้ หากมีความเข้าใจในตลาด Forex และวิธีการเทรดที่ถูกต้อง การฝึกฝนในบัญชีเดโม (Demo Account) ก่อนเริ่มเทรดด้วยเงินจริงถือเป็นวิธีที่ดีในการพัฒนาทักษะการ Scalping นอกจากนี้ ควรเลือกโบรกเกอร์ที่มีเงื่อนไขเหมาะสมสำหรับการ Scalping เช่น สเปรดต่ำและการดำเนินการคำสั่งที่รวดเร็ว